“ทนายอั๋น” หนุนดีเอสไอสู้อิทธิพล “แก๊งฮั้วเลือก สว.”
“ทนายอั๋น” มอบดอกไม้ให้กำลังใจ DSI ลุยสอบ “คดีฮั้ว สว.” หลังถูกผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ เบรคเกมอ้างข่มขู่พยาน อีกทั้งมีความพยายามจากกลุ่มบุคคลตั้งก๊วนสกัดการสอบสวน เพื่อหวังดิสเครดิต
วันนี้ (7 พ.ค.) เวลา 10.00 น. อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” พร้อมคณะ เดินทางมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีที่มีหนังสือหลุดจากกระทรวงมหาดไทย ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ส่งถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่ามีคนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าไปบังคับขู่เข็ญพยานในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งอาจเป็นการสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความชอบธรรมให้กับบางกลุ่มหรือไม่ หรืออาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของดีเอสไอหรือไม่ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับมอบแทน
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์มีกลุ่มบุคคลอาจจะตั้งแต่ระดับกระทรวง ทบวง กรม มีส่วนในทำนองเข้ามาสกัดยับยั้ง และไม่ให้ความร่วมมือ โดยตนจับตาเรื่องนี้มาตลอดมีการส่งหนังสือถึงกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายว่าถ้ามีเจ้าหน้าที่คาดว่าหมายถึง “ดีเอสไอ” มาสอบสวน ก็ให้สิทธิประชาชนว่าไม่ให้ความร่วมมือ แค่นี้ชาวบ้านก็กลัวแล้ว รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ยังมีออกหนังสือในลักษณะมีพยานถูกข่มขู่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่เชื่อว่ามีเจ๊ใหญ่ และเส้นเงินมหาศาลอยู่ตรงนั้น
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนพร้อมคณะมาให้กำลังใจ อธิบดีดีเอสไอและคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมประกาศว่าพวกตนจะไม่ยอมให้มีเหลือบไร มาขวางสกัดกั้นให้ดีเอสไอที่กำลังทำคดีฮั้ว สว. และจะเป็นแบล็คให้เจ้าหน้าที่ ขอดีเอสไอมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด ต้องทำคดีฮั้ว สว. 138+2 ไปส่งศาลพิจารณาว่าเป็นเช่นไรตามพยานหลักฐาน
“ส่วนนายอลงกต วรกี สว.ผู้ทรงเกียรติ เคยถูกชาวบ้านวารินชำราบ ขับไล่แต่ไปเติบโตที่ จ.อุทัยธานี ไม่รู้ว่ามีอะไรดี ขอเตือนอย่ามาเก่งกับข้าราชการ เพราะคุณก็เคยเป็นข้าราชการประจำ แต่อยากให้มาเจอกับผมมากกว่า นอกจากนี้ หาก สว. มาโดยสุจริตคงไม่มีใครไปว่าพวกท่านได้ แต่หากมาโดยฮั้วกันมาจะมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีได้อย่างไร”
นายภัทรพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ยินมาว่าจะออกหมายเรียก สว. มาชี้แจงก่อนและจะวินิจฉัย เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานเพราะหลักฐานพอสมควรเพียงทำตามขั้นตอน หลังจากนั้นยื่นศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง เหมือนคดีหมอเกศ ส่วนกรณีหากพบเส้นทางการเงินที่ใหญ่จริงๆ และมีความน่าสนใจ ซึ่งตอนนี้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ร่วมสอบสวนด้วยในคดีอาญา อย่างไรก็ตาม ในส่วนจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดอื่น ออกมาเหมือนผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญในลักษณะที่ว่าดีเอสไอไปข่มขู่พยานอีกหรือไม่นั้น ถ้ามุขนี้ใช้ได้ผล เชื่อว่าจะใช้มวลชนมาเป็นฐานกำแพงรอบตัวเอง แต่ถ้ามุขนี้ใช้แป๊กแล้ว คงไม่กล้าเพราะประชาชนด่าทั้งประเทศ มองว่าเป็นการชิมลาง เหมือนคดีเขากระโดงโมเดล