ปทุมธานี นศ.และผู้ปกครองกว่า50คนแจ้งความเพิ่มกรณีหอพักมหาภัย เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 พ.ค.68 จากกรณีหอพักย่านมหาวิทยาลัยรังสิตที่มีผู้เสียหายและผู้เช่าออกมาแฉพฤติกรรมของเจ้าของหอพักมหาประลัยซึ่งทำพฤติกรรมหลอกเซ็นสัญญาเช่าห้องระยะยาว ไครออกก่อนโดนและมีพฤติกรรมกังขังและยึดของตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น วันนี้มหาวิทยาลัยรังสิตตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกกรณี หอ หึ หึ ยอดผู้เสียหายพุ่งทะลุ 40 ราย ด้านฝ่ายปกครองท้องถิ่นพร้อมฟันเอาผิดเรื่องการ เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.หอพักและพ.ร.บ.สาธารณสุข จ่อฟันภาษีรายได้ด้วย ขณะที่ทางคดีตำรวจ พร้อม สคบ.เอาผิดทั้งแพ่งและอาญาบรรยากาศที่ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 1 มหาวิทยาลัยรังสิต โดยวันนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้เสียหาย จากกรณีหอพักชื่อดังในซอยเมืองเอก ที่มีการยึดเงินประกันยึดเงินมัดจำและยึดทรัพย์สินของนักศึกษาที่อาศัยในหอพักดังกล่าว ซึ่งวันนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เป็นครั้งที่ 2 จำนวนผู้เสียหายที่มาลงทะเบียนแล้วกว่า 40 ราย รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง อาจารย์คณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรมมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า วันนี้ มีผู้เสียหาย เดินทางมาแจ้งความจำนงที่ต้องการดำเนินคดีกับเจ้าของหอพักดังกล่าวแล้วจำนวนกว่า 40 ราย คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีปัญหามาเป็นเวลานาน ซึ่งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ตนจะประเมินสถานการณ์และแนวโน้มอีกครั้งหากยังมีผู้เสียหายมาอย่างต่อเนื่องก็จะเปิดศูนย์ฯนี้ต่อไปอีก แต่หากศูนย์ นี้ปิดแล้ว ยังมี นศ.ที่ได้รับผลกระทบจากหอพักดังกล่ว หรือ หอพักอื่นๆว ก็สามารถมาแจ้งกับทางมหาวิทยาลัยได้ โดยมาติดต่อที่ฝ่ายกิจการนักศึกษา ด้านนางสาววิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอเมืองปทุมธานี ระบุว่า ผู้ว่าฯปทุมธานี ทราบเรื่องแล้วและเร่งให้ดำเนินการตรวจสอบ เบื้องต้นเรื่องการขออนุญาตขึ้นกับเทศบาลตำบลหลักหก พบว่า หอพักนี้ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.หอพักฯ และต้องตรวจสอบเพิ่มเติม พ.ร.บ.สาธารณะสุขฯ , ภาษีป้ายโรงเรือนและภาษีรายได้ด้วย รวมถึงการก่อสร้างทางเข้า ออก รุกล้ำทางเท้าทางสาธารณะด้วย โดย กำหนดกรอบเวลา 3 วัน ต้องส่งรายงานมาที่จังหวัด พร้อมทั้งตำหนิเจ้าหน้าที่กองช่างของเทศบาลตำบลหลักหก ฐานปล่อยปละละเลย ให้อาคารดังกล่าวที่ก่อสร้างไม่ตรงตามแบบการขออนุญาตเปิดให้บริการมาเกือบ 20 ปี นอกจากนี้มีการตรวจสอบพบว่าหอพักในพื้นที่ตำบลหลักหกมีเกือบ 200 แห่ง แต่มีเพียง 2 หอพักที่ขออนุญาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วทั้งจังหวัด ขณะนายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ ผอ.ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ สคบ.ตรวจสอบแล้วพบเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรม , การเรียกเก็บค่าเช่า ซึ่ง สคบ.จะดำเนินการสืบสวนเพื่อเอาผิดทั้งแพ่งและอาญา ส่วนเรื่องเงินประกันของผู้เช่ามีสิทธิที่จะได้คืน แต่มีเรื่องเงื่อนเวลาต้องอยู่ให้ครบสัญญาหรืออยู่เกินกึ่งหนึ่งจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขอเงินประกันคืนได้ แต่ทางหอพักก็สามารถหักเงินประกันได้เช่นกัน หากเกิดความชำรุดเสียหายที่เกิดจากผู้เช่า แต่ต้องหักอย่างเป็นธรรมตามกรอบกฎหมายด้วย ขณะที่ พลตำรวจตรียุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พร้อมพ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เปิดเผยว่าคดีนี้ตำรวจเดินหน้าเอาผิดกับเจ้าของหอพักทุกกรณี แม้ว่าสามีเจ้าของหอพักเคยเป็นอดีตนายตำรวจแต่พวกตนไม่ได้กังวล และไม่สามารถที่จะมาแทรกแซงการทำคดีได้ พร้อมขอความเห็นใจให้กับตำรวจชุดปัจจุบันไม่ได้ทำคดีไม่มีล่าช้าเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน ส่วนด้านน้องผู้เสียหาย บอกว่าตนเองอยู่มาเกือบครบปีแล้วและเมื่อช่วงเดือนมกราคม2568 ขณะที่ตนเองนอนอยู่ทางป้าเจ้าของหอก็เอากุญแจมาไขประตูห้องในช่วงเช้า ซึ่งขณะนั้นตนเองนอนอยู่และรู้สึกตกใจมากเมื่อตนเองเข้าไปถามเขาก็บอกว่ามาไขเมื่อลูกกุญแจซึ่งแต่ล่ะห้องของหอพักแห่งนี้ไม่มีกลอนล๊อคจากด้านใน วันนี้ตนเองจึงได้มาแจ้งความเพื่อที่จะออกจากหอพักแห่งนี้ซึ่งตนเองคิดว่าไม่ปลอดภัย ต่อมาทางด้านนางสาววิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอเมืองปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและพ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง รองผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ นางสาวช่อลัดดา พิทักทรัพย์ ปลัดเทศบาลตำบลหลักหก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหอพักดังกล่าวในประเด็นที่ว่าการก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบว่าไม่มีไครมาแสดงตัวเป็นคนดูแลหรือเจ้าของหอพัก ส่วนนายวีระเชษฐ์ สุนาวงศ์ ผอ.กองช่างเทศบาลตำบลหลักหกตามพรบ.ควบคุมอาคารนั้นเมื่อตรวจพบอาคารมีการต่อเติมผิดจากที่ขอไว้นั้น ทางด้านพนักงานก็จะต้องมีคำสั่งให้รื้อถอนซึ่งทางเทศบาลตำบลหลักหกก็จะดำเนินกรให้เร็วที่สุด