เรือนจำกลางนครปฐม จัดกิจกรรมการประกวดอาหาร ของหวานและเครื่องดื่ม ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภายใต้และเครือข่าย โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ เรือนจำกลางนครปฐม จ.นครปฐม
พล.อ.อ. สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่
ประจำพระองค์ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
รองประธานคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการประกวดอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภายใต้และเครือข่ายโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยมีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม,นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์,นางอาภรณ์ แก้วเวียงชัย ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรมและคณะกรรมการ กองทุนกำลังใจฯ,ผศ.ดร.ธนวิทย์ ลายิ้ม คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กรุงเทพ และนายขวัญไชย สันติภราภพ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม คอยให้การต้อนรับ พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมฯ
ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ด้านการฝึกอบรมวิชาชีพในหลากหลาย สาขาวิชาชีพ เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความรู้สามารถนำไปประกอบวิชาชีพได้ภายหลังพ้นโทษ โดยสาขาการทำอาหาร เป็นอีกหนึ่งสาขาที่ผู้ต้องขังให้ความสนใจ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านเรือนจำ/ทัณฑสถานได้ประสานขอความร่วมมือ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขอการสนับสนุนวิทยากรที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถอันเป็นที่ยอมรับ ในวงการอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เข้ามาอบรมฝึกวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพ ด้านการออกแบบอาหารให้แก่ผู้ต้องขัง ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้มีความน่าสนใจและสามารถ
เพิ่มมูลค่าให้แก่อาหาร ภายใต้และเครือข่ายโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งเป็นกิจกรรมการประกวดการประกอบอาหารที่เป็นมาตรฐานและพัฒนางานด้านคหกรรมศาสตร์
โดยมีเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภายใต้โครงการกำลังใจฯ ทั้งสิ้น 30 แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีเรือนจำ/ทัณฑสถานเข้าร่วม กิจกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางนครปฐม,ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ทัณฑสถานหญิงชลบุรี,เรือนจำจังหวัดสระบุรี และเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนการพัฒนาพฤตินิสัย และเป็นการประชาสัมพันธ์ด้านการ ฝึกวิชาชีพด้านการประกอบอาหารของผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถาน อันจะนำไปสู่การสร้างการรับรู้ สู่ภาคประชาชนทุกระดับให้รับทราบ และถือเป็นการสนับสนุนให้โอกาสกับผู้ต้องขัง ได้นำความรู้ไปเป็นประโยชน์ ในการประกอบอาชีพสุจริต สามารถหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ เพื่อสร้างโอกาส และได้รับการยอมรับจากสังคม โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก











