บก.ปทส. สนธิกำลังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บุกค้นแหล่งค้าปะการังออนไลน์ ยึดของกลางกว่า 300 ชิ้น
17 ส.ค.64 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน,
พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.เอก มหาสวัสดิ์, พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง ผกก.1 บก.ปทส. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำโดย นายไพรัตน์ สุทธิพล ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามทางทะเล
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สรศักดิ์ สิทธิธีรกุล สว.กก.1 บก.ปทส., ร.ต.อ.มนตรี ฤทธิรงค์ รอง สว.กก.1 บก.ปทส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเล
และชายฝั่ง
ร่วมกันจับกุม นายฐิติพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ค้าและมีไว้
ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ตาม
พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
พร้อมตรวจยึดของกลาง ทั้งหมดจำนวน 307 ชิ้น ดังนี้
1. ปะการังแข็ง จำนวน 216 ชิ้น
2. กัลปังหา จำนวน 7 ชิ้น
3. ดอกไม้ทะเล จำนวน 9 ชิ้น
4. ซากปะการัง จำนวน 75 ชิ้น
จับกุม บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ตามที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบนโยบายแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง กก.1 บก.ปทส. ได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามผู้ที่มีพฤติการณ์ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนพบว่ามีผู้ที่กระทำความผิดสร้างความเสียหายและเป็นการส่งเสริมการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้ระบบนิเวศทางธรรมชาติเสียไปด้วย
ดังนั้น กก.1 บก.ปทส. ได้ประสานหน่วยงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ซึ่งทาง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีนโยบายให้กรมทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
จากการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ทราบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กลักลอบค้าปะการังแข็ง, กัลปังหาและดอกไม้ทะเล ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมี นายฐิติพงศ์ฯ เป็นพ่อค้ามีการจำหน่ายปะการัง
ชนิดต่างๆ ให้กับลูกค้าที่มีความชอบ
จากพฤติกรรมของผู้ที่กระทำความผิด อาจสร้างความเสียหายและเป็นการส่งเสริมการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้ระบบนิเวศทางธรรมชาติเสียไปด้วย บก.ปทส. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนพบว่า นายฐิติพงศ์ฯ ใช้บ้านพักภายใน ซอยสุวินทวงศ์ 13 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ลักลอบเลี้ยงปะการัง-ดอกไม้ทะเล ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อการค้าจำนวนมาก
จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี
โดยในวันที่ 16 ส.ค. 2565 เวลาประมาณ 06.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส.
ได้ประสานงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสนธิกำลังและเข้าตรวจสอบโดยนำหมายค้น
ศาลอาญามีนบุรี เข้าทำการตรวจค้นอาคารดังกล่าว
พบนายฐิติพงศ์ฯ อายุ 31 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน ผลการตรวจสอบภายใน พบสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ได้แก่ ปะการังแข็ง จำนวน 216 ชั้น, กัลปังหา จำนวน 7 ชิ้น, ดอกไม้ทะเล จำนวน 9 ชิ้น, ถูกเลี้ยงอยู่ในตู้กระจกบรรจุน้ำเค็มสำหรับเพาะเลี้ยงปะการัง และยังพบซากปะการัง จำนวน 75 ชิ้น รวมทั้งหมด จำนวน 307 ชิ้น จึงได้ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
สอบถาม นายฐิติพงศ์ฯ ให้การว่าปะการัง ดอกไม้ทะเลของกลางที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมด สั่งซื้อมาทางอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาเพาะเลี้ยงเป็นงานอดิเรก เมื่อเลี้ยงจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ได้ประกาศขายโดยลงภาพและข้อความโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กให้กับผู้สนใจซื้อ ปะการังขายชิ้นละ 100 ถึง 1,000 บาท คิดราคาตามขนาด และความสวยงาม ซึ่งตนไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองหรือค้าจากทางราชการแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง
หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของกลาง พนักงานสอบสวนนำส่งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตรวจพิสูจน์ต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
(ความผิดฐานครอบครอง)
ม.17 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
(ความผิดฐานค้า)
ม.29 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ