“มานัส” นอมินีพันล้าน..!! ญาติบอกความจริง แค่รับจ้างขับรถรายวัน
อธิบดีดีเอสไอ แจงพนักงานสอบสวนพบญาติ “มานัส” หนึ่งในผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ ยันเจ้าตัวทำอาชีพรับจ้าง เป็นคนขับรถส่งของ รายได้ไม่มากมาย แค่รับจ้างเป็นรายวัน
วันนี้ (9 เม.ย.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีการตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ตามความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) กรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 ว่า ได้มอบหมายนโยบายให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนอมินี โดยยังคงเน้นการพิสูจน์ในความผิดเรื่องนอมินี การถือหุ้นอำพรางของคนไทย ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้สืบสวนจนพบเจอกับญาติ (น้องเขย) ของนายมานัส ศรีอนันท์ (1 ใน 3 คนไทย ผู้ถือหุ้นใน บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ สัดส่วน 0.0003%) ที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่ไม่เจอตัวนายมานัส
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า โดยญาตินายมานัส ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่านายมานัสทำอาชีพรับจ้างอยู่ภายในบริษัท มีรายได้ไม่เยอะ รับเป็นรายวัน มีการขับรถส่งของ-ยกของเท่านั้น เชื่อได้ว่าไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นภายในบริษัท เพราะเป็นเพียงพนักงานธรรมดา เรียกได้ว่าญาติของนายมานัส ถือเป็นพยานรายที่สองที่ดีเอสไอได้เจอตัวและได้สอบถามข้อมูล ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้พบเจอภรรยาของนายประจวบ ศิริเขตร (สัดส่วนถือหุ้นใน บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ 10.2%) ที่ จ.ร้อยเอ็ด
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า สำหรับกรอบการทำงาน ดีเอสไอพยายามทำงานให้เร็วที่สุด พยายามเร่งที่สุด หากติดตามจนเจอตัวพยานก็จะได้ทำการสอบสวนปากคำ แต่ถ้าติดตามแล้วยังไม่พบตัว มันก็ต้องขยายเวลาออกไปเล็กน้อย แต่จะไม่กระทบกับหลักการสอบสวนในประเด็นอื่น หรือการรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ส่วนอุปสรรคในการติดตามพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยพบข้อมูลตามการรายงานว่ามีการย้ายสำนักงานหลายแห่งนั้น มันก็ยิ่งเป็นข้อสันนิษฐานและพยานหลักฐานได้ว่า บริษัทฯ อาจไม่ได้มีการประกอบกิจการที่เป็นหลักเป็นฐานจริง อาทิ การมีที่อยู่เดียวกันกับหลายบริษัท หรือพอเกิดเหตุขึ้นกลับมีการปิดสำนักงานบางจุดแล้วย้ายไปที่อื่นแทน มันก็ยิ่งสอดคล้องกับการที่อาจไม่ได้มีการตั้งบริษัทที่เป็นหลักเป็นฐานจริงๆ ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่ใช่เป็นการทำลายพยานหลักฐาน แต่ดีเอสไอก็สามารถเก็บรวบรวมร่องรอยหลักฐานที่เหลือได้
“กรณีที่สังคมตั้งคำถามว่าผ่านเวลามากกว่า 10 วัน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถพิจารณาดำเนินคดีบุคคลรายใดได้นั้น ขอชี้แจงว่าดีเอสไอยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนหากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีกับบุคคลใด หรือออกหมายจับใคร ยืนยันว่าดีเอสไอยังคงเร่งรัดดำเนินการอย่างเต็มที่” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการประสานจาก 1 ใน 11 ตัวแทนกิจการร่วมค้าที่ บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วม มาเข้าให้ข้อมูลรายละเอียดกับดีเอสไอ โดยนัดหมายเวลา 09.30 น. ที่ ห้องสำนักงานรองอธิบดีฯ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ล่าสุดมีรายงานว่า ตัวแทนกิจการร่วมค้า จำนวน 3 ราย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการให้ข้อมูลรายละเอียด