“ผบช.ภ.7 สั่ง ศปอส. ภ.7 เร่งตรวจสอบ กรณีมี กลุ่มผู้เสียหายอ้างถูกหลอก ทางเฟสบุคให้โอนเงินรายละ 1-6 หมื่น
หลังสั่งทำซุ้มกาแฟ-ชาใข่มุก แล้วบ่ายเบียงไม่ส่งของที่สั่งให้
ผู้เสียหาย 20 กว่าราย รวมตัวยื่นหนังสือ ร้องทุกข์ถึง ผบช.ภ.7 ให้ช่วย พบยอดอ้างถูกหลอกมากกว่า 1 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มผู้เสียหายได้มีหนังสือร้องเรียน ถึงพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 มีเนื้อหาระบุว่า : เรียน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เรื่อง ร้องเรียนความเสียหายจาการจัดจ้างทำซุ้มกาแฟ ข้าพเจ้ากลุ่มผุ้เสียหายจากการจัดจ้างสร้างซุ้มกาแฟ-ชานมใข่มุก
สืบเนื่องจากระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคม ต่อเนื่องเดือนสิงหาคม กลุ่มผู้เสียหายประมาณ 20 ราย ได้ทำสัญญาว่าจ้างสร้างซุ้มกาแฟซานมไข่มุกดังกล่าวกับน.ส.ปถิตตา จันแจ้ง (ผู้ถูกกล่าวหา) โดยพฤติกรรมของ น.ส.ปทิตตา ได้เปิดเฟสบุ๊ก และเพจกลุ่มผู้ซื้อขายซุ้มกาแฟ-ซานมไข่มุกทางออนไลน์โดยมีรูปภาพของซุ้มกาแฟหลากลายรูปแบบพร้อมราคาในการสั่งทำไว้อย่างครบถ้วน
ซึ่งต่อมากลุ่มผู้เสียหายแต่ละรายได้ติดต่อเพื่อสั่งทำซุ้มกาแฟฯดังกล่าวเฉลี่ยราคาต่อซุ้มประมาณ 70,000 บาททางช่องทางเฟซบุ๊ก-เพจ-ไลน์ และโทรศัพท์ของ น.ส.ปทิตตาเลขหมาย 080-0526038 โดยนัดหมายรับสินค้าภายใน 10 วันหลังจากทำสัญญาดังกล่าว จากนั้นทำการวางเงินมัดจำเฉลี่ยต่อรายเป็นจำนวนโดยประมาณ 15,000-60,000 บาท
ต่อมาเมื่อครบกำหนดกลุ่มผู้เสียหายติดต่อทวงถามเพื่อขอรับซุ้มกาแฟฯกับ น.ส..ปทิตตา ในทุกช่องทางที่ สามารถติดต่อได้ แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาพยายามบ่ายเบี่ยงและผลัดนัดมาตลอด อีกทั้งเมื่อกลุ่มผู้เสียหายบางรายเข้าไปติดต่อสอบถาม ณ.สถานที่ทำงานของผู้ถูกกล่าวหา ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาพูดว่าถ้าไม่อนุญาติให้เข้ามาในสถานที่
ทำงานถือว่ากลุ่มผู้เสียหายกระทำผิดในข้อหาบุกรุก ซึ่งแสดงให้เห็นพฤติกรรมที่อาจจะส่อไปในทางฉ้อโกงการจัดทำซุ้มกาแฟฯดังกล่าว จึงทำให้กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นท้องที่รับผิดชอบในการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา จึงขอความกรุณาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ให้ความเป็น
ธรรม พร้อมตรวจสอบการกระทำของ น.ส.ปทิตตา เนื่องจากยังพบพฤติกรรมที่สอไปในทางกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง
โดยต่อมา ทางกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่สภ.อ.กระทุ่มแบน ยังพบว่ามีผู้เสียหายรายใหม่ได้ทำสัญญาสร้างซุ้มกาแฟและเสียเงินในการวางเงินมัดจำเช่นเดียวกับกลุ่มผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ ซึ่งแสดงให้เห็นการไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของผู้ถูกกล่าว ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายได้แนบหลักฐานการทำสัญญาพร้อมสลิปการโอนเงินในการวางมัดจำของผู้เสียหายเพื่อให้ตรวจสอบไว้ ณ ที่นี้ ด้วยความเคารพอย่างสูง ลงชื่อกลุ่มผู้เสียหาย “หนังสือฉบับดังกล่าวระบุ”
ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้สั่งการให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ศปอส. ภ.7)ตรวจสอบหากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมายตามที่กลุ่มดังกล่าวร้องเรียน ให้เร่งดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมทั้งแจ้งให้รายงานผลความคืบหน้าให้ทราบโดยเร็ว