ตำรวจไซเบอร์ทลายตลาดมืดออนไลน์ จับกุมเครือข่ายอาวุธเถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย”
วันอังคารที่ 18 มี.ค.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต. ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ทลายตลาดมืดออนไลน์ จับกุมเครือข่ายอาวุธเถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย” . สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้แต่ละกองบังคับการเร่งระดมกวาดล้างจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้แก่พี่น้องประชาชน จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 4 ปฏิบัติการ ดังนี้ —————————————————————- ปฏิบัติการที่ 1 : กก.4 บกสอท.5 รวบหนุ่มโพสต์ปืนอวดโซเชียลคาบ้าน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด Cyber Guard ของ กก.4 บก.สอท.5 ตรวจสอบพบชายรายหนึ่งมักโพสต์ภาพถ่ายโชว์อาวุธปืนหลายกระบอก และชุด conversion unit kit.22 ลงบัญชีเฟสบุ๊กของตนเอง จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน จนพบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า เจ้าของบัญชีเฟสบุ๊กดังกล่าว คือ นายภิญโญ อายุ 44 ปี และอาจมีการซุกซ่อนอาวุธปืนผิดกฎหมายไว้ที่บ้านพักอาศัยของตนเอง ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรีได้สำเร็จ โดยเมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.บัญชา ทองใบใหญ่ รอง ผกก.4 บก.สอท.5 และ พ.ต.ท.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด ได้ร่วมกันนำหมายค้นที่ 36/2568 ลงวันที่ 14 มี.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.9 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อเข้าตรวจค้น ได้พบนายภิญโญ เป็นผู้นำเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน ผลการตรวจค้นพบชุด Conversion Unit .22 LR ไม่มีเลขประจำปืน ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนปืน จำนวน 1 ชุด (Conversion Unit .22 LR ชิ้นส่วนสำคัญของตัวปืนคือ ชุดสไลด์บน ประกอบด้วยลำกล้องปืนขนาด .22, สปริงรีคอยล์, เข็มแทงชนวน และซองกระสุน .22) ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวหากนำไปประกอบกับโครงล่างของปืนที่ตรงรุ่น สามารถแปลงสถาพจากปืนขนาดเดิม ให้ใช้ยิงกับกระสุนปืนขนาด .22 ได้) และพบซองกระสุนปืน ขนาด .22 LR ซึ่งใช้ร่วมกับ Conversion Unit .22 LR จากการสอบถาม นายภิญโญฯ ยอมเปิดเผยว่า ของกลางดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยซื้อมาจากเพจเฟสบุ๊กซื้อขายอาวุธปืนเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ในราคา 27,000 บาท ทั้งนี้ โดยอุปกรณ์ปืนดังกล่าว เป็นอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน และตนไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจากนายทะเบียนแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืน (ปืนไม่มีทะเบียน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน” นำตัวและของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลไปยังที่มาของอาวุธปืนดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ชุด Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้จับกุมผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนไปแล้วกว่า 20 ราย (แยกเป็นผู้ค้า/ผลิตอาวุธปืน 5 ราย, ผู้ครอบครองอาวุธปืน 15 ราย) ตรวจยึดอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 25 กระบอก กระสุนปืนกว่า 600 นัด และตรวจยึดอุปกรณ์ชิ้นส่วนอาวุธปืน เครื่องมือช่างที่ใช้ในการประกอบ ซ่อมแซม และดัดแปลงอาวุธปืนอีกกว่าหลายร้อยรายการ —————————————————————- ปฏิบัติการที่ 2 : กก.1 บก.สอท.5 ทลายแหล่งบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ลอบจำหน่ายวัยรุ่นเมืองท่องเที่ยวอันดามัน สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย (Line, Facebook) และมีร้านขายเครื่องดื่มซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนมัธยม ชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ ได้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่กลุ่มนักเรียน และประชาชนทั่วไปอยู่เป็นประจำโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงได้ดำเนินการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายค้นเป้าหมายทั้ง 2 จุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการบุกตรวจค้น ดังนี้ จุดที่ 1 บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านย่านกู้กู ม.3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมกำลังเจ้าหน้าทีjตำรวจในสังกัด ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 70ฝ/2568 ลงวันที่ 13 มี.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายนนทกร อายุ 22 ปี พร้อมของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนประกอบ จำนวน 235 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 70,000 บาท พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบข้อความการติดต่อซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเป็นเด็กและเยาวชนในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่ร้านและจำหน่ายผ่านระบบแพลตฟอร์ม Line และ Facebook จุดที่ 2 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ซอยพนมเบญจา 6 ถ.พนมเบญจา ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ พ.ต.ท.อสวรรธน์ ศิระเวรินทร์ สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 175/2568 ลงวันที่ 14 มี.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายชญานนท์ อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลางเป็นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 7 ชิ้น และ ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางดังกล่าวที่เป็นของตนเองจริงและมีไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าและจากการตรวจสอบข้อมูลภายใoโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบบัญชีเฟซบุ๊กของผู้ต้องหามีข้อมูลตรงกับข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียน จากการตรวจสอบแชทของเฟสบุ๊คดังกล่าว พบข้อมูลการติดต่อซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าของผู้ต้องหากับลูกค้า โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ใกล้เคียง และเจ้าหน้าที่ยังพบข้อความแจ้งเตือน ลูกค้าที่เป็นนักเรียนว่า หากต้องการมาซื้อสินค้าที่หน้าร้านห้ามใส่ชุดนักเรียนมาซื้อ และห้ามตะโกนบริเวณร้านขายน้ำที่อยู่หน้าบ้านของตนว่ามาซื้อบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือ ตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ “ซ่อนเร้น จำหน่าย พาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นความผิดตามมาตรา 242 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเงินจำนวน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ —————————————————————- ปฏิบัติการที่ 3 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 รวบพ่อค้าบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ส่งขายผ่านไรเดอร์ พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 และ พ.ต.ท.นราภพ นวลเท่า สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ร่วมกันนำกำลังจับกุมนายชัยเจริญ หรือ ตี๋ อายุ 22 ปี ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และขายสินค้าที่คณะกรรมการกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ลง 28 ม.ค.58” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณถนนริมคลองรอบเมืองร้อยเอ็ด ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่ม Line Official กลุ่มหนึ่งได้มีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้น อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทดลองล่อซื้อและนัดหมายจุดรับของ เมื่อถึงเวลา ปรากฏว่ามีไรเดอร์ของแบรนด์ดังขับรถจักรยายนต์มาส่งของ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้สอบถามข้อมูล ทำให้ทราบว่าทางร้านจะจ้างไรเดอร์ส่งของเป็นประจำ และมักนัดรับสินค้าที่บริเวณริมคลองรอบเมืองร้อยเอ็ดเพื่อนำไปส่งต่อให้ลูกค้า ซึ่งโดยปกติทางร้านจะเปิดรับออเดอร์และนัดรับสินค้าหลัง 18.00 น. ต่อมา วันที่ 17 มี.ค. ตำรวจไซเบอร์ได้สนธิกำลังร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด โดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวเป็นไรเดอร์แบรนด์ดัง และจัดกำลังซุ่มดูรอบบริเวณใกล้เคียงเพื่อรอเข้าจับกุม กระทั่งเวลาประมาน 18.30 น. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ผู้ส่งมีบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมส่งแล้วและได้นัดหมายส่งมอบของกันที่บริเวณถนนริมคลองรอบเมืองร้อยเอ็ด ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ต่อมาเมื่อมีการส่งมอบของให้แก่ไรเดอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น พบนายชัยเจริญ หรือ ตี๋ อายุ 22 ปี เป็นผู้ส่งของ เมื่อตรวจสอบภายในถุงผ้าสีดำที่นายตี๋ถือติดตัวมา พบเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจริง จากนั้นได้ขยายผลไปตรวจค้นบริเวณบ้านพักหลังหนึ่งบริเวณใกล้เคียงกัน ผลการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกจำนวนเกือบ 800 ชิ้น และคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โดยคอมพิวเตอร์ดังกล่าว นายตี๋ เปิดเผยว่าใช้ในการสนทนาขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้า โดยนายตี๋ฯ เป็นลูกจ้างและผู้นำส่งบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อ โดยได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป —————————————————————- ปฏิบัติการที่ 4 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 รวบเครือข่ายโพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พบบุคคลโพสต์ประกาศขายบุหรี่ไฟฟ้าบนเฟซบุ๊ก จึงได้ร่วมกันสืบสวน กระทั่งสามารถนำกำลังเข้าจับกุมนายธวัชชัย อายุ 32 ปี และ น.ส.มุทิตา เยาวชน อายุ 17 ปี บริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านทุ่ม อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น และขยายผลต่อเนื่องไปยัง บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.11 ต.สาวะถี อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางจำนวนหนึ่ง ในข้อหา “ร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และร่วมกันขายสินค้าที่คณะกรรมการกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ลง 28 ม.ค.2558” ซึ่งจากผลการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าทั้ง 4 ปฏิบัติการ สามารถตรวจยึดของกลางได้รวมกว่า 1,000 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 300,000 บาท —————————————————————- อย่างไรก็ตาม ความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่หนีภาษี และอาวุธปืนผิดกฎหมาย เป็นประเด็นที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังให้ความสำคัญ ตำรวจไซเบอร์จึงเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนและการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลและหาข้อมูลเชื่อมโยงไปยังระดับผู้ปฏิบัติรายอื่นๆ จนสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการ เพื่อเร่งนำตัวผู้ต้องหาทั้งขบวนการมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป