สกลนคร สายมูแห่ทวงคืนพระแม่โสมาที่วัดพระธาตุภูเพ็ก ถ้าผิดคำพูดจะดำเนินคดี ชาวพุทธสายมูที่ศรัทธาบริจาคสร้างพระแม่โสมาสีวิกาเทวนาคเทวี ประดิษฐานที่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ถูกเคลื่อนย้ายโดยไม่แจ้งผู้บริจาค ผิดวัตถุประสงค์การก่อสร้าง แจ้งความเอาผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ เข้าเจรจาหากไม่ส่งคืนภายในสิ้นเดือนนี้จะดำเนินคดี เวลา 14.00 น.วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ศาลาวัดพระธาตุภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร น.ส.ดนิตา พริมาทรรศ แกนนำชาวพุทธผู้ก่อสร้างองค์พระแม่โสมาสีวิกาเทวนาคเทวี ซึ่งประทับภายในเทวาลัย บริเวณทางขึ้นปราสาทพระธาตุภูเพ็ก หนึ่งในปราสาทขอมสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวพุทธศตวรรษที่ 17 พร้อมด้วยนายพัฒนากรณ์ วภักดิ์เพชร ทนายความและญาติโยมจาก จ.บึงกาฬ จ.สกลนคร เข้าพบคณะสงฆ์ของวัดพระธาตุภูเพ็กเพื่อเจรจา หลังจากเข้าแจ้งความที่ สภ.พรรณานิคม เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ กล่าวคือ น.ส.ดนิตา พริมาธรรศ อายุ 55 ปี เข้าพบ ร.ต.อ. เทพประภา ฮาบเมืองซอง พนักงานสอบสวน สภ.พรรณานิคม แจ้งว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2563 ได้มีการบอกบุญทางสื่อโซเชียล ว่ามีทีมงานศิลาทราย ที่อยู่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบอกบุญร่วมกับเจ้าอาวาสวัดภูเพ็ก ผู้แจ้งจึงได้ร่วมทำบุญสร้างรูปหล่อพระแม่โสมาสีวิกานาคเทวีและนางรำอัศราด้วย และได้ถอดของมีค่าเป็นแหวนนาคราชเนื้อพลอยทองคำ จำนวน 1 วง ส่วนคนอื่นทราบว่ามีแหวนทองคำ สร้อยทองคำน้ำหนักรวมกว่า 10 บาทเพื่อบรรจุในองค์พระแม่โสมาฯ ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมามีผู้มาสักการะมากมายจนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนเป็นที่ศรัทธาทั้งคนไทยในประเทศและต่างประเทศ
ต่อมาในวันที่ 27 พฤศจิกายกน 2567 ผู้แจ้งทราบจาก น.ส.วิภานันท์ ศรีมุกดา ชาว จ.สกลนคร ซึ่งเป็นผู้ร่วมสร้างพระแม่โสมาสีวิกานาคเทวีและนางรำอัศรา ว่ามีการเคลื่อนย้ายไปไว้ที่แห่งหนึ่ง ใน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลังจากนั้นผู้แจ้งได้โพสข้อความลงเฟสบุ๊คว่าขอให้นำพระแม่โสมาสีวิกานาคเทวี กลับคืนมาที่วัดภูเพ็ก ภายใน 15 วัน เพราะเป็นเงินของผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสร้างวัตถุประสงค์เพื่อกราบไหว้บูชา แต่ได้รับการเพิกเฉย จึงได้มาร้องทุกข์มอบคดีให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับพระสงฆ์ของวัดพระธาตุภูเพ็กจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งการเจรจาในวันนี้ ทางวัดยินดีที่จะนำองค์พระแม่โสมากลับคืนมาประทับไว้ที่เดิม ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2568 จึงมีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พรรณานิคม โดยมีนายณปพน บาทชารี เป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจจากทางวัดให้มาตกลงกับคู่กรณีในการประสานงานให้องค์พระแม่โสมากลับมาประทับที่เดิม โดยทางวัดจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และฝ่ายผู้ร้องจะถอนคำร้องทุกข์ทั้งหมด ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ
น.ส.ดนิตา กล่าวว่า ตนได้ร่วมถอดทองคำมูลค่า 12,000 บาท และบริจาคเงินสดรวมประมาณ 800,000 บาท ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาอีกจำนวนมาก เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ในการก่อสร้างเทวาลัยแห่งนี้ เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแต่การที่พระอนุญาตให้ผู้อื่นมาย้ายองค์พระปม่ไปมันถูกต้องหรือ เพราะคนที่บริจาคสร้างอยู่ที่ จ.สกลนครและจังหวัดใกล้เคียง แต่ท่านอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้อนุญาตให้รถเครน 3 คัน มาสกัดเอาพระแม่โสมาไป ทราบว่ารถเครน 2 คันเกิดเสียขณะกำลังสกัด อาจจะเป็นเพราะท่านไม่อยากไปก็ได้ ส่วนปรงศรัทธาที่มีต่อองค์พระแม่ก็คือตนขอให้ทำธุรกิจประสบผลสำเร็จ เพราะตนมีอาชีพขายอาหารสัตว์ ปรากฏว่าที่เคยขายได้ 5 พ่วงก็กลายเป็น 20 พ่วง และอีกครั้งก็คือลูกป่วยซึ่งแพทย์บอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะตีรถจาก จ.บึงกาฬ เพื่อมารักษาที่ จ.สกลนคร จึงได้อธิษฐานถึงพระแม่ขอให้ช่วยลูกด้วยและขอให้ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ที่มาถึง รพ.สกลนคร ได้ทันเวลา จึงเกิดความศรัทธาและอยากให้พระแม่กลับมาประทับที่นี่เช่นเดิม
สำหรับพระนางโสมา ตามภาษาอินเดีย หรือ หลิวเย่ ตามภาษาจีน หรือ นางนาค ตามภาษาเขมร หรือพระนามเต็มว่า พระนางโสมาสีวิกาเทวะนาคาเทวี เป็นพระมหากษัตริยานีแห่งอาณาจักรฟูนาน ครองราชย์ประมาณศตวรรษที่ 1 นับเป็นปฐมกษัตริย์และกษัตริยานีพระองค์แรกของ อาณาจักฟูนาน พระนางอภิเษกสมรสกับพราหมณ์ชาวอินเดียคนหนึ่ง นามว่ากามพู สวยัมภูวะ หรือ เกาฑิณยะ ซึ่งต่อมาก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระนางโสมา เป็นพระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ หรือที่รู้จักกันในชื่อพระทอง ตามตำนานในพระราชพงศาวดารกัมพูชาในเอกสารมหาบุรุษเขมร และพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา พระนางทรงสืบเชื้อสายมาจากเผ่านาค ราชวงศ์วรมัน ที่ได้อภิเษกสมรสกับกามพู สวยัมภูวะ (เกาฑิณยะ) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในตำนานพระทอง-นางนาค การอภิเษกสมรสระหว่างพระทองกับนางนาคทำให้เกิดราชวงศ์วรมันขึ้น ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองกัมพูชาตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนาน /////////////////// วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร 0819541528