นนทบุรี ต่อข่าว พ่อค้าแม่ค้าจี้นิติฯ ชดใช้ค่าเสียหาย หลังรื้อถอนร้านค้ ชาวบ้านแฉตั้งวงดื่มเหล้า ขวางทางเดิน ตากผ้าขี้ริ้วบนของเล่น
วันที่ 11 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางกรวย (วัดพระเงิน) ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พบว่าร้านค้ากว่า 20 ร้านถูกเจ้าหน้าที่รื้อถอนออกจากพื้นที่ส่วนกลางบริเวณสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เหลือเพียงร้านขายไข่ไก่ของนางสาวสุจิตรา สง่าวงศ์ อายุ 52 ปี อดีตกรรมการนิติบุคคลของหมู่บ้าน และร้านขายน้ำแพ็ค และร้านค้าอีกประมาณ 2-3 ร้าน
โดยวานนี้ที่ผ่านมา(10มี.ค.68) นายธนวัฒน์ วัฒนวงษ์สิงห์ ปลัดอำเภออาวุโส อำเภอบางกรวย และ พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.ปลายบาง ได้ร่วมประชุมและมีมติให้ยกเลิกการรื้อถอนชั่วคราว หลังเกิดเหตุปากเสียงจนเกือบมีการปะทะกัน โดยจะมีการเชิญทั้งสองฝ่ายเข้าพูดคุยไกล่เกลี่ยอีกครั้ง โดยมีนายอำเภอบางกรวยเป็นผู้เจรจา
นางสาวสุจิตรา สง่าวงศ์ เจ้าของร้านขายไข่ไก่และอดีตกรรมการนิติบุคคลของหมู่บ้าน ซึ่งเพิ่งหมดวาระเมื่อเดือนนี้ กล่าวว่า หลังการประชุมร่วมกันเมื่อวานที่ผ่านมา โดยมีปลัดอำเภอบางกรวยและผู้กำกับการ สภ.ปลายบาง เข้าร่วม มีข้อสรุปให้ทั้งสองฝ่ายถอยกันคนละก้าว และหยุดการรื้อถอนร้านที่เหลือชั่วคราว ซึ่งเป็นร้านของตน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าพูดคุยกับนายอำเภอบางกรวยเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ตนยืนยันว่าพร้อมรื้อถอนร้านค้าออกจากพื้นที่อยู่แล้ว แต่ต้องการให้มีการพูดคุยที่เป็นระบบ เนื่องจากที่ผ่านมา นิติบุคคลของหมู่บ้านไม่เคยแจ้งหรือพูดคุยอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่นิตินำทีมงานเข้ามารื้อถอน ตนได้ขอร้องให้เลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเพิ่งลงทุนซื้อสินค้าไปกว่า 10,000 บาท โดยเฉพาะไข่ไก่ที่ต้องขายออกให้หมด มิฉะนั้นจะเน่าเสีย แต่ทางนิติฯ ไม่รับฟัง และเลือกใช้วิธีบังคับแทนที่จะเจรจา
ด้านนางพสุนธรา สนธิ อายุ 53 ปี แม่ค้าส้มตำ ยืนยันว่า นิติบุคคลของหมู่บ้านไม่เคยเรียกพ่อค้าแม่ค้ามาพูดคุยอย่างเป็นทางการ มีเพียงการแจกเอกสารแจ้งเตือนแล้วจากไป ส่วนที่อ้างว่ามีการหารือเรื่องการรื้อถอนในการประชุมประจำปี ก็ไม่เป็นความจริง แม้จะมีการประชุมเกิดขึ้น แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องการรื้อถอนร้านค้าแต่อย่างใด
สำหรับประเด็นที่ตนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ว่า “พวกเขามีแบล็กใหญ่ ทำอะไรกูไม่ได้” และมีผู้คอยหนุนหลังอยู่ตลอด ตนต้องขอโทษหากคำพูดดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่บุคคลใด แต่ยืนยันว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นสิ่งที่ชาวบ้านพูดถึงกันจริง
ตนยอมรับว่าการเข้ามาค้าขายในพื้นที่นี้ อาจเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ส่วนกลาง แต่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมนิติบุคคลหรือบริษัทที่ดูแลพื้นที่จึงไม่ดำเนินการตั้งแต่แรก และไม่จัดระเบียบให้ชัดเจน ขณะนี้ตนยังรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการรื้อถอนเกิดขึ้นขณะพ่อค้าแม่ค้ากำลังขายของ ทำให้ทรัพย์สินบางรายการได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ นิติบุคคลของหมู่บ้านอ้างว่ามีการจัดพื้นที่ค้าขายบริเวณหน้าหมู่บ้าน แต่ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบตลาดให้ชัดเจน
ตนต้องการให้หน่วยงานภาครัฐหรือผู้ใหญ่ในพื้นที่เข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจากับนิติบุคคลของหมู่บ้าน ขณะนี้พ่อค้าแม่ค้าได้หารือกันแล้ว และยินดีรื้อถอนร้านค้าออกทั้งหมด แต่ขอเวลาในการขนย้ายสิ่งของ เนื่องจากบางรายการไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทันที นอกจากนี้ ยังขอให้ทางนิติฯ ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการรื้อถอน และชดเชยค่าใช้จ่ายที่พ่อค้าแม่ค้าลงทุนไปแล้ว
ส่วนทางด้านนายสอง (นามสมมติ) ผู้พิการทางสายตา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านภายในหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ตนได้รับความเดือดร้อนจากการที่พื้นที่สนามเด็กเล่นส่วนกลางถูกใช้เป็นพื้นที่ค้าขาย ทำให้เข้าไปใช้งานไม่ได้ บางวันยังมีการตั้งวงดื่มสุราในพื้นที่ดังกล่าว ตนจึงนำเรื่องไปร้องเรียนกับนิติบุคคลของหมู่บ้าน ซึ่งทางนิติฯ ได้แจ้งพ่อค้าแม่ค้าไปแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมย้ายออก
ปัจจุบัน สนามเด็กเล่นที่ควรเป็นพื้นที่สาธารณะ กลายเป็นที่ตากผ้า มีคราบเศษอาหารบนลานออกกำลังกาย และเครื่องเล่นเด็กก็มีคราบสกปรกติดอยู่เต็มไปหมด ตนซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อแจ้งเรื่องไปที่นิติฯ ก็กลับถูกพ่อค้าแม่ค้าต่อว่า หากทุกคนในหมู่บ้านทำเช่นเดียวกัน ก็จะเกิดปัญหาความวุ่นวาย
ทั้งนี้ นิติบุคคลของหมู่บ้านได้จัดพื้นที่ค้าขายไว้ที่บริเวณโดมด้านหน้า โดยมีค่าเช่าและค่าไฟวันละ 40 บาท แต่พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนไม่ยอมใช้พื้นที่ดังกล่าว เพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย ขณะที่พื้นที่สนามเด็กเล่นสามารถขายของได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ตนต้องการให้มีการคืนพื้นที่สนามเด็กเล่นให้กับชุมชน และจัดระเบียบการค้าขายในหมู่บ้านให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่เหมาะสม














