เมื่อเวลา13.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ 2568 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี คลอง 7 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พ่อแม่และเพื่อนลูกสาว เดินทางจาก จ.ลำปาง ร้อง “ปวีณา” น้องมายด์ ลูกสาวอายุ 29 ปี มีสามีเป็นหนุ่มบังคลาเทศไปอยู่กินกันที่ประเทศโอมาน ลูกสาวหายตัวไปนานกว่า 3 เดือน ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพื่อนบอกว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวถูกสามีบังคับให้เสพยาเสพติด ถูกทำร้ายสาหัสพิการมือหงิกงอ เดินกระเพลก หน้าตาบวมช้ำ พูดจาแทบฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่ตายก็ต้องพิการ ขณะที่สามีถูกตำรวจโอมานจับกุมคดียาเสพติด เพราะเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดไปเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ยังปิดปากเงียบ ตอนนี้ทำใจวอนมูลนิธิปวีณาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาลูกสาว ไม่ว่าจะเจอในสภาพใดขอช่วยส่งกลับมาบ้านเกิด ขณะตายายสงสารหลานชายวัย 10 ขวบ ลูกของน้องมายด์สุดหัวใจ ซึ่งหลานเป็นเด็กพิเศษเรียน อยู่ ป.6 นั่งมองเครื่องบินที่บินผ่านบ้านทุกวันรอคอยแม่กลับมา คอยถามทำไมแม่ไม่มาสักที?
นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. ได้ประสาน นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ และนายมณฑล จันทร์ศิริ ตำแหน่งนักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา) กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ทราบว่ากรมการกงสุล ได้รับทราบและเร่งติดตามเรื่องกับสถานทูตไทยในโอมานแล้ว ทั้งนี้นางปวีณาจะได้มอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่น้องมายด์ไปกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากวันนี้ 23 ก.พ. มีเพื่อนของน้องมายด์เดินทางกลับมาจากโอมานและมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับตัวจากสนามบินเข้าพบนางปวีณาทันที โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามน้องมายด์
และในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 16.00 น. จะพาพ่อแม่น้องมายด์เข้าพบ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชุมร่วมกันกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ และทีมงานตำรวจสากลไทยเพื่อให้ข้อมูล โดยตำรวจสากลไทยจะประสานตำรวจสากลโอมานติดตามตัวน้องมายด์ทันที พร้อมพาพ่อแม่น้องมายด์เข้าให้ข้อมูลเพื่อเติมกับ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศด้วย
ด้านเพื่อนน้องมายด์ กล่าวว่า มายด์ไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศโอมานตั้งแต่ปี 2563 ต่อมาได้รู้จักกับหนุ่มบังคลาเทศและอยู่กินกันแบบสามีภรรยา ตลอดเวลาที่ผ่านมามายด์ไม่ได้เจอมายด์เลย เขาเคยกลับมาไทยช่วงเดือน ก.พ.67 แต่ไม่ได้กลับไปเจอพ่อแม่ที่ลำปางเลย และก็ไม่ได้มาเจอเพื่อนๆ ด้วย จะติดต่อกันทางแมสเซ็นเจอร์และเห็นเวลาที่เขาโพสต์เฟซบุ๊กเวลาที่เขาไปเที่ยวไหน ทำอะไรเท่านั้น ซึ่งเพื่อนหลายคนก็ได้ข้อมูลไม่เหมือนกันเวลาที่เขาไปไหนหรือมาไทย แต่เขาจะโพสต์เฟซบุ๊กในสิ่งสวยงามเวลาที่เขาไปเที่ยวต่างประเทศ หรือโพสต์รูปสวยๆ เหมือนกับว่ามีความสุขกับสามี แต่ก็ไม่เคยโพสต์ให้เห็นหน้าตาของสามีเลยจะเห็นแต่รูปจับมือกันหรือมีสติดเกอร์แปะที่ใบหน้าสามีเท่านั้น
กระทั่งเดือน ต.ค.67 ตนเห็นมายด์โพสต์รูปลงสตอรี่ในเฟซบุ๊กเป็นภาพกำลังนอนให้เลือดอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้สอบถามจนรู้ว่าถูกสามีทำร้าย แต่มายด์ไม่ได้บอกอะไรมาก เขาเหมือนกับมีความลับที่บอกใครไม่ได้ แต่ก็พูดว่า “สามีเป็นเอเย่นต์ค้ายา เคยฆ่าคนมาแล้ว 3 ศพ ถ้าวันหนึ่งตัวเองหายไปก็อาจจะเป็นศพที่ 4 ก็ได้” ตนพยายามจะเตือนเพื่อนให้กลับบ้านเราดีกว่า แต่มายด์ก็ไม่เชื่อ โดยล่าสุดที่คุยกับมายด์ก็ประมาณเดือนพ.ค.67 มายด์แชตมาคุยขอให้ไปบ้านและส่งเอกสารส่วนตัวมาให้เพื่อจะไปทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ ซึ่งตนก็ได้ส่งไปให้และเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊กไปเที่ยวเช็กอินที่ประเทศไต้หวัน และโพสต์อีกว่ากำลังจะไปเที่ยวประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ส่วนเพื่อนที่เพิ่งเดินทางกลับจากโอมาน กล่าวว่า รู้จักกับมายด์มานานแล้วเพราะตนก็มีสามีอยู่ที่นั่น มายด์มักจะฝากซื้อของและตนก็จะนำไปส่งให้ที่ห้องพัก ช่วงเดือนพ.ย.67 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอมายด์ ตนนำของไปส่งให้น้องที่ห้องพัก พบมายด์อยู่กับสามีในห้องพักกำลังเสพยากันอยู่ ซึ่งมายด์มีสภาพหน้าตาบวมปูด หน้ายุบ ผมหลุดร่วงเหลือเป็นกระจุกๆ มือหงิกงอ นิ้วผิดรูป มีร่องรอยช้ำตามตัวทั้งแผลใหม่และแผลเก่า เชื่อว่ามายด์ถูกสามีบังคับให้เสพยาและถูกซ้อมทำร้ายจนไม่รู้ถึงความเจ็บปวด มายด์ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวเพื่อปกปิดร่องรอยบาดแผลแต่ตนก็สังเกตเห็นว่ามีผ้าก๊อชพันที่ขา และเดินขากระเผลก ตนทนไม่ได้จึงถามสามีมายด์ว่าซ้อมมายด์ทำไม ซึ่งเขาก็ด่าทอสารพัดหาว่ามายด์ไม่ดี ขโมยเงิน ทำตัวไม่ดี ตนจึงขอร้องและให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมายด์อีกซึ่งเขาก็ตกลง และห้ามตนไปบอกใคร ข่มขู่ถ้าใครไปพูดเรื่องของเขาให้ระวังตัว ซึ่งสามีของตนก็ได้เตือนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวเพราะสามีมายด์เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดกลัวจะเป็นอันตราย จากนั้นก็ไม่ได้พบมายด์อีกเลย
ต่อมาตนก็ทราบข่าวว่าสามีมายด์ถูกจับกุมในคดียาเสพติดช่วงเดือน ก.พ.68 คนไทยหลายคนที่รู้จักกับน้องก็สงสัยว่ามายด์หายไปไหนเพราะไม่มีใครได้เจอและติดต่อไม่ได้มานานกว่า 3 เดือนแล้วจึงได้โพสต์ตามหาน้องในเฟซบุ๊ก ห่วงว่ามายด์จะเป็นอันตราย และได้ไปแจ้งความกับตำรวจโอมานซึ่งได้สอบปากคำสามีมายด์แต่เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ทุกคนเป็นห่วงมายด์มากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อได้ ขณะที่เพื่อนมายด์ที่ไทยก็ได้สอบถามมาว่าพบเจอมายด์หรือยัง และไปแจ้งเรื่องที่กองคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยเหลือจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบข่าวมายด์เลย จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย
ด้านพ่อน้องมายด์ กล่าวว่า พ่อกับแม่เดินทางมาจาก จ.ลำปาง โดยมีเพื่อนลูกพามา พ่อมีน้องมายด์เป็นลูกสาวคนเดียว และเป็นเสาหลักของครอบครัว แม่น้องมายด์ก็พิการตาบอด ส่วนลูกชายน้องมายด์ก็เป็นเด็กพิเศษ อายุ 10 ขวบ น้องมายด์ไปโอมานตั้งแต่ปี 2563 ไปทำงานร้านอาหาร จะส่งเงินมาให้พ่อแม่และลูกชายทุก 2 เดือน ครั้งละ 10,000 บาท พ่อก็ทำงานรับจ้างทั่วไปวันละ 300 บาท ได้เบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการของแม่พอได้กินใช้ไปวันๆ ตลอด 5 ปีลูกสาวไม่ได้กลับมาบ้านเลย จะมีก็แต่วิดีโอคอลคุยกันเป็นบางครั้ง คุยกันครั้งสุดท้ายเดือนพ.ค.67 จากนั้นโทรไปลูกก็ไม่รับสายเลย มีการอ่านไลน์แต่ไม่ติดต่อกลับ พ่อแม่ก็ยังโทรหาลูกทุกวันแต่ลูกไม่รับสาย จนวันที่ 24 ก.ค.67 ลูกอ่านข้อความเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้พ่อโทรไปก้ไม่รับสายและไม่อ่านไลน์เลย
“ที่ผ่านมาพ่อก็ผิดสังเกตที่ลูกหายไปแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะอยู่ไกลกัน กระทั่งมีเพื่อนของลูกโพสต์ตามหาน้องมายด์และมีข่าวว่าลูกถูกสามีทำร้ายหนักหนาสาหัสจนถึงทุกวันนี้เพื่อทีโอมานก็ยังไม่เจอและติดต่อไม่ได้ พ่อแม่เป็นห่วงแทบขาดใจ ส่วนลูกชายของน้องมายด์ 10 ขวบเป็นเด็กพิเศษเห็นแม่หายไปก็เป็นห่วงคอยถาม “ทำไมแม่ไม่กลับมาสักที” และเวลาเห็นเครื่องบินบินผ่านก็จะถามว่า “แม่กลับมาแล้วใช่ไหม?” ตนก็สงสารหลายจับใจ ทุกวันนี้ก็คิดว่า 60 เปอร์เซ็นต์ลูกสาวอาจจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังหวัง 40 เปอร์เซ็นต์ว่าลูกจะปลอดภัย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ลูกได้กลับบ้าน ไม่ว่าจะกลับมาในสภาพไหนพ่อแม่ก็จะรอ หรือโชคร้ายที่สุดได้เถ้ากระดูกกลับมาก็ยังดี เพื่อนๆ ที่โอมานต่างช่วยติดตามและแจ้งตำรวจ ส่วนเพื่อนที่ไทยก็แจ้งเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานตามหาลูกสาวให้ด้วย”
จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ปี 2567 ปัญหาล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ สูงถึง 257 ราย แยกเป็น แจ้งเบาะแสค้าประเวณีในประเทศ จำนวน 53 ราย และขอความช่วยเหลือค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ ต่างประเทศ 204 ราย กรณีถูกหลอกค้ามนุษยต่างประเทศ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วย


