“รอง ผบช.น.” นำตำรวจจราจร จัดกิจกรรม “เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย” พื้นที่นำร่องหน้าสถานบันเทิงอาร์ซีเอ

“รอง ผบช.น.” นำตำรวจจราจร จัดกิจกรรม “เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย” พื้นที่นำร่องหน้าสถานบันเทิงอาร์ซีเอ เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 13 ก.พ.ที่บริเวณลานด้านหน้าทางเข้าซอยอาร์ซีเอ (Royal City Avenue) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ต.อํานาจ ไตรพจน์ พล.ต.ต.ชัยพัชร์ ศรีประเสริฐ รอง ผบช.น.ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวกิจกรรม “เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย” โดยมี พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผบก.จร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรภพ รุมแสง, พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์, พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เชื้อเดช, พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์, พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ, พ.ต.อ.จามร ทองพรรณ รอง ผบก.จร. พ.ต.อ.ณัทศิต สัณห์ปภพ ผกก.5 บก.จร. พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์, พ.ต.ท.ธราธิป ดิษฐ์ศิริ รอง ผกก.5 บก.จร. และนายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อํานวยการสํานักงานป้องกันและบําบัดการติดยาเสพติด, นายสมบัติ เครือกีรติธรรม ผู้อํานวยการเขตห้วยขวาง, นายแพทย์ สุนทร สุนทรชาติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร, นายแพทย์ ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัย ทางถนน (ศวปถ.), พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.จร., สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเมาไม่ขับเข้าร่วมพิธี ภายหลังเสร็จพิธีปล่อยแถว รอง ผบช.น. นำคณะเจ้าหน้าที่ เดินไปภายในร้านสถานบันเทิง “ออนิกซ์” ONYX เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งตั้งโต๊ะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ สาธิตวิธีการใช้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาดื่มสังสรรค์ ได้ทดลองเป่าว่าหลังจากดื่มแล้วมีปริมาณแอลกอฮอล์เท่าไหร่ แนะนำวิธีกลับบ้านอย่างปลอดภัย พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.ดูแลงานมั่นคง มีมาตรการเรื่อยมา และมารณรงค์เชิงรุกเป้าหมาย คือ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งกลุ่มผู้มาเที่ยวสถานบริการเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องขับรถกลับบ้าน และการรณรงค์ไม่ต้องการกวดขัน หรือเพิ่มยอดจับกุม แต่เป้าหมาย คือ ต้องการมาสื่อสารเพื่อลดการดื่มแล้วขับ ซึ่งจุดนี้เป็นพื้นที่นำร่องเนื่องจากมีสถานประกอบจำนวนมาก ทั้ง สถานบริการ และร้านข้าวต้ม ช่วงเวลาตีสองตีสาม มักเกิดเหตุบ่อย จากอาการเพลีย ล้า ง่วง ทำให้เกิดสูญเสียขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นมาตรการเชิงรุกที่ต้องทำต่อเนื่อง โดยเริ่มจากจุดนี้ ให้ผู้มาดื่มตระหนักว่า ออกมาแล้วอาจถูกจับแน่ ส่วนโทษถูกจำคุก แต่ 2 ครั้งแรกอาจเป็นโทษจำรอลงอาญา ถ้าขับขี่ไม่ชนใครมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท และหากขับชนผู้อื่นบาดเจ็บ อัตราโทษเพิ่มขึ้น จำคุก 1-2 ปี พักใบอนุญาต 6 เดือน เจ็บสาหัสจำคุก 2-4 ปี ปรับ 2 -4 หมื่นบาท หากขับชนคน ตาย อัตราโทษถึง 10 ปี และถูกเพิกถอนใบอนุญาต ปรับ 4 หมื่น-2 แสนบาท แต่ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุอาจสูญเสียถึงชีวิตนั้นสำคัญกว่า พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า โครงการนี้จัดขึ้นมาเพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนพร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมดื่มไม่ขับในกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยคาดหวังว่าให้ความรู้และบริการตรวจวัดแอลกอฮอล์จะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกที่ปลอดภัยในการเดินทางกลับบ้านเพื่อประโยชน์สำหรับตัวผู้ขับขี่เองและเพื่อนร่วมทาง โดยจากสถิติปี 2561 ที่ผ่านมาทางกองบังคับการตำรวจจราจรได้ทำการจับผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปแล้วจำนวน 3,639 คน และในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาก็พบว่ามีผู้กระทำความผิดและอุบัติเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ลดน้อยลงไปกว่าปีก่อน ๆ จึงเริ่มมีนโยบายในการป้องปราม ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์หน้าสถาบันเทิง โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการ ในการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์นอกสถานบันเทิง โดยครั้งนี้ถือเป็นโครงการนำร่อง และจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะลงพื้นที่ตามย่านสถาบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป นอกเหนือจากด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามปกติ โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันวาเลนไทน์ และเทศกาลสงกรานต์ สำหรับสถานบันเทิงย่าน RCA ที่ผ่านมาผู้ประกอบการให้ความร่วมมือกับตำรวจในพื้นที่ เป็นอย่างดีในการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้านความปลอดภัย และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบกรณีผู้ที่เมาแล้วพยายามจะขับรถ และแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่แทน พล.ต.ต.ธวัช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีกลุ่มที่รับจ้างขับรถผ่านด่าน ให้กับผู้ที่เมาแล้วขับ ถึงแม้ตามกฎหมายจะไม่สามารถเอาผิดกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วนอีกหนึ่งปัญหาที่พบการร้องเรียนบ่อยครั้งคือปัญหาของรถแท็กซี่ที่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร และไม่กดมิเตอร์นั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลอาจจะต้องประสานกับกรมขนส่ง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หนึ่งในผู้ประกอบการสถาบันเดิมด้าน RCA เปิดเผยว่า ยอมรับมีความกังวล เกี่ยวกับการตั้งด่านหน้าสถานบันเทิง อาจส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวอาจจะมีการปรับตัว แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ตำรวจมีมาตรการในการป้องกันเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และทางร้านก็สนับสนุนนโยบายดังกล่าว ///////