ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ “ล่าข้ามโลก ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ”
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาขญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 Mr.Benjamin Chervenak U.S. Secret Service, the Resident Agent In Charge, Mrs.Caroline A. Marshall รักษาราชการแทน ผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย สำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ นายไบรอัน แอนเดอร์สัน รองผู้ช่วยทูตประจำภูมิภาค ร่วมแถลงปฏิบัติการ “ล่าข้ามโลก ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ”
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงอายุสัญชาติอเมริกันพักอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีปัญหาเรื่องการล็อกอินเข้าบัญชีอีเมล์ของไมโครซอฟต์ (Microsoft Account) จึงได้เข้าค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของทีมช่วยเหลือจากบริษัทไมโครซอฟต์ผ่าน Google Search และได้พบหมายเลขโทรศัพท์ จากเว็บไซต์หนึ่ง จึงได้ทำการติดต่อ จากนั้นได้มีบุคคลปลายสายซึ่งพูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนอินเดีย ได้แอบอ้างว่าเป็นทีมช่วยเหลือของบริษัทไมโครซอฟท์ โดยได้ทำทีให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย แล้วหลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งโปรแกรมควบคุมการเข้าถึงคอมพิวเตอร์จากระยะไกล เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงทำตามที่คนร้ายแนะนำ และกดอนุญาตให้คนร้ายแก้ไขข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
ต่อมาคนร้ายแจ้งว่าได้แก้ไขบัญชีอีเมล์ให้เสร็จแล้ว ทางไมโครซอฟต์จะ Refund เงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 49.99 USD แต่คนร้ายอ้างว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายเกินไป จำนวน 49,999 USD
คนร้ายจึงแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินคืน เนื่องจากใส่ตัวเลขจำนวนเงินผิด หากผู้เสียหายไม่โอนเงินคืน คนร้ายต้อง
ถูกไล่ออกจากบริษัท ผู้เสียหายสงสารและหลงเชื่อ สุดท้ายจึงโอนเงินไปยังบัญชีนิติบุคคลของธนาคารหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 49,840 USD หรือประมาณ 1,738,916 บาท นอกจากนี้ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเรียบร้อย คนร้ายยังได้ส่งข้อความเยาะเย้ยผู้เสียหายว่าถูกหลอกให้โอนเงิน
โดยผู้เสียหายได้ติดต่อธนาคารและแจ้งกับเจ้าหน้าที่ FBI ในสหรัฐอเมริกา จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทำให้ทราบว่าผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารจำนวน 2 บัญชี โดยคนร้ายได้ใช้โปรแกรมควบคุมระยะไกลโอนเงินของผู้เสียหายจากบัญชีธนาคาร A ไปยังบัญชีธนาคาร B จำนวน 49,999 USD โดยผู้เสียหายไม่ได้ทำรายการโอนด้วยตนเองแต่อย่างใด ทำให้มียอดเงินเข้าบัญชีธนาคาร B คนร้ายจึงหลอกว่าโอนผิด แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงินจากธนาคาร เข้าบัญชีคนร้ายที่อ้างว่าเป็นของบริษัทไมโครซอฟ กระทั่งทาง FBI สหรัฐอเมริการได้ประสานมายัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการอายัดบัญชี และสืบสวนจับกุม
คนร้ายที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวนได้สืบสวนจนพบหลักฐานว่า มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยได้ใช้บัญชีธนาคารที่จดทะเบียนโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด รับโอนเงิน
จากผู้เสียหายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตัวการสำคัญที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดและใช้บัญชีธนาคารดังกล่าว เป็นคนสัญชาติอินเดียโดยคนอินเดียกลุ่มนี้ มักหลอกลวงคนไทยที่ต้องการกู้เงินหรือยืมเงินให้นำเอกสารส่วนตัวไปให้ จากนั้น
จะนำเอกสารของคนไทย มอบให้ตัวแทนนายหน้าที่รับจดทะเบียนนิติบุคคลไปดำเนินการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยตัวแทนมีค่าดำเนินการจดทะเบียนจำนวน 7,000 บาท
จากนั้นจะนำเอกสารนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นบัญชีม้าในการรับเงินจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ โดยบัญชีม้านิติบุคคลสามารถโอนเงินได้ครั้งละเป็นจำนวนมากโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และสร้างความ
น่าเชื่อถือให้เหยื่อโอนเงินง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อนิติบุคคล
จึงทำการสืบสวนพบความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารของ นายชาญ (ขอสงวนนามสกุล) กรรมการของ หจก.พัลเมตโต โดยในวันเกิดเหตุนั้น พบว่ามีการโอน
เงินจาก หจก.ทินท์ เรียลตี้(บัญชีม้า) ไปยังบัญ ชีธนาคารของนายชาญ จำนวน 104,400 บาท เมื่อตรวจสอบข้อมูลบัญชีนายชาญ พบว่ามีเงินในบัญชีถึง 1,000,048.96 บาท จึงได้อายัดบัญชีธนาคารดังกล่าว เพื่อส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบว่าบัญชีธนาคารของนายชาญ ได้ถูกใช้โอนเงินซื้อทองคำแท่งจากร้านทองแห่งหนึ่ง ย่านพาหุรัด กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก โดยมีชายชาวอินเดียเป็นผู้ไปรับทองคำแท่งดังกล่าว จึงเชื่อว่าเป็นลักษณะการกระทำเป็นขบวนการและมีการแบ่งหน้าที่กันทำ
ต่อมาวันที่ 20 มิ.ย.67 ตำรวจชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.2 พร้อม เจ้าที่ตำรวจกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ บก.ตอท. นำหมายค้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 243/2567 ลง 19 มิ.ย. 67 เข้าทำการตรวจค้นบ้าน หลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.สามกอ อ.เสนา จว.พระนครศรีอยุธยา พบนายอาสวานิ กุมาร์ซิงห์ สัญชาติอินเดีย เป็นผู้ครอบครองและพักอาศัยอยู่กับแฟนสาวที่บ้านดังกล่าว ตรวจค้นภายในบ้าน พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และบัตร ATM ซึ่งเป็นชื่อบัญชีธาคารที่ใช้กระทำผิดของผู้ร่วมขบวนการและของกลางอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 19 รายการ จึงทำการยึดไว้ตรวจสอบ เพื่อหาหลักฐาน
จากการขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิดเป็นคนไทย 3 ราย ประกอบด้วย นายชาญ อายุ 69 ปี น.ส.ประนอม อายุ 59 ปี กรรมการ หจก.ทินท์ เรียลตี้ และน.ส.สร้อย อายุ 45 ปี กรรมการ หจก. ทินท์ เรียลตี้ ในความผิดฐาน “ยินยอมให้ผู้อื่นนำบัญชีธนาคารไปใช้”
โดยทั้ง 3 ราย เบื้องต้นให้การว่าได้นำเอกสารส่วนตัว อาทิ บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน ให้แก่ชายชาวอินเดียรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาจึงทราบภายหลังว่าตนเองถูกนำหลักฐานไปจดทะเบียนนิติบุคคลและเปิดบัญชีม้านิติบุคคล
ล่าสุดตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับชาวอินเดีย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญได้อีกจำนวน 2 ราย ในความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดย หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” พร้อมกับได้ประสานตำรวจสากลในการออกหมายแดงเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท.ร่วมกับ ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิ U.S. Secret Service, FBI และ HSIและผู้แทนจากธนาคารที่สามารถประสานอายัดเงินในบัญชีของคนร้ายได้ทันเวลา ได้ร่วมกันส่งมอบเงินคืนให้แก่ตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 1,643,349.40 บาท โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและตัวแทนผู้เสียหาย ต่างได้แสดงความขอบคุณผู้บังคับบัญชา และชุดสืบสวนของตำรวจไซเบอร์ ที่ร่วมกันปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรม
ข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ