นนทบุรี คลิป ป้านกบางบัวทอง โร่ชี้แจงหลังมีคนกล่าวหาได้เงินหมื่นแล้วทิ้งแมว หวั่นมีคนใช่ชื่อหาผลประโยชน์
วันที่ 13 พ.ย.67 เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก น.ส.อรุณศรี พิมพา หรือป้านก อายุ 59 ปี ที่เคยเป็นข่าวเรื่องบ้านถูกยึดทรัพย์ ที่หมู่บ้านบัวทอง เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.67 และมีแมวอีกกว่า 60 ชีวิตต้องไร้ที่อยู่ ต่อมาได้มีผู้เข้ามาให้ความช่วยเหลือในเรื่องของที่อยู่อาศัยจึงได้ย้ายจากหมู่บ้านบัวทองมาอยู่ที่โกดังแถวบางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อช่วงเดือน ก.ค.67 พร้อมกับแมวอีกกว่า 60 ตัว ในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่โกดังก็มีคนสนใจมาขอแมวไปเลี้ยงอยู่บ้าง จยปัจจุบันมีแมวของป้านกเหลืออยู่เพียง 26 ตัวเท่านั้น ต่อมาเมื่อช่วงเดือน ต.ค.67 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหรึ่งโพสต์ข้อความว่า ” คลิปเจ้าของแมวตัวจริงเสียงจริง ป้าเค้ารักแมวมากจริงๆ
หายไปตอนได้เงินดิจิตอลไม่กลับมาเลยคะ
พ่อแม่อย่าพึ่งปล่อยมือเคสแมวบางบัวทองด้วยคะ วันนี้พาลูกๆที่ยังไม่มีที่ไปมาขอโอกาส ให้กับ 30ชีวิตกำลังจะ เดินทาง ตอนนี้ขาดปัจจัย เฮือกสุดท้ายจริงๆคะ” หลังจากนั้นก็ได้มีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปยังเพจต่างๆ อีกหลายเพจ จนกระทั่งตัวของ น.ส.อรุณศรีหรือป้านกมาทราบเรื่องเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จากคนรู้จักก็ตกใจและกังวลใจ สงสัยว่าคนโพสต์ทำไมเขาถึงกล่าวหาตนว่าทิ้งแมวไว้ให้เขาเลี้ยงทั้งๆที่ตนก็กลับมานอนอยู่กับแมวทุกวัน
น.ส.อรุณศรี หรือป้านก เล่าว่า หลังจากที่บ้านที่บัวทองโดนยึดไปตามที่เป็นข่าว ก็มีคนรู้จักมาหาตนและบอกว่าจะช่วยเหลือเรื่องของที่อยู่อาศัยให้ตนและแมวย้ายไปอยู่ได้เลย โดยเมื่อช่วงเดือน ก.ค.67 คนที่ชื่อป้าพัชได้นำรถมาช่วยขนย้ายของและแมวไปที่โกดังของเขา แถวๆบางใหญ่ และต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 7,500 บาท โดยหารกัน3คน ซึ่งในโกดังนี้จะแบ่งเป็น3ห้อง ห้องแรกเป็นห้องกระจกป้าหมูเป็นคนเช่าอยู่ โดยเสียค่าเช่า2,500 บาท/เดือน ซึ่งตนก็อาศัยขอนอนอยู่ที่ห้องของป้าหมู ส่วนห้องที่2เป็นห้องที่ตนใช้เลี้ยงแมวโดยมีป้าสมรเขาออกค่าเช่าให้ ซึ่งป้าสมรเขาเช่าเอาไว้ โดยจ่ายค่าเช่า 2,000 บาท/เดือน และห้องที่3ของป้าดา เขาเช่าเอาไว้เลี้ยงหมาอีก4ตัว เสียค่าเช่า 3,000 บาท /เดือน ส่วนตนนั้นทางป้าพัชซึ่งเป็นเจ้าของโกดังบอกให้ตนมาช่วยงานที่ร้านแทนเพื่อเป็นการจ่ายค่าเช่า ซึ่งก็จะให้เงินบ้างเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ได้150บาท บางครั้ง5วันให้แค่100บาทก็มี แต่ดีตรงที่เขามีข้าวให้กิน3มื้อ อยู่มาแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนั้นมีคนหลายกลุ่มเข้ามาช่วยเหลือตน มีขอให้ตนถ่ายคลิปขอบคุณที่ช่วยเหลือและบริจาคอาหารของใช้จำเป็นของแมว ตนก็ทำเพราะคิดว่าตอนนั้นเขามาช่วยจริงๆ แต่ต่อมาตนก็รู้สึกเอะใจกับการกระทำของกลุ่มคนที่เข้ามาช่วยเหลือ เพราะว่าตั้งแต่ที่ตนและแมวย้ายมาอยู่ที่โกดังนี้ช่วงแรกๆ ก็ดีอยู่ แต่หลังๆนี้ สงสัยว่าทำไมเวลาเจ้าหน้าที่หรือมูลนิธิต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือ ทำไมทั้งป้าพัชและกลุ่มคนที่เข้ามารับสิ่งของที่คนนำมามอบให้ต้องให้ตนหลบไปอยู่หลังบ้าน บางครั้งบอกให้ตนออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ ก็สงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไรก็ได้แต่ทำตามที่เขาสั่งเพราะคิดว่าเขาเป็นคนช่วยตนไว้คงไม่ได้คิดร้ายกับตน
ป้านก เล่าอีกว่า ตนไม่เคยรู้เรื่องในโซเชียลเพราะไม่ได้เล่น แต่ช่วงหลังๆเริ่มมีคนมาพูดกับตนว่า กลุ่มคนเหล่านี้เขาไปโพสต์ลงโซเชี่ยลว่าป้านกพอได้เงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ก็ทิ้งแมวหายออกจากบ้านไป พอตนรู้ข่าวก็สงสัยว่าทำไมเขาไปทำแบบนั้น ตนไม่เคยทิ้งแมวไปไหน ไม่เคยหนีไปที่อื่น กลับมานอนที่โกดังทุกวันคนแถวนี้เขาก็เห็นกันหมด ขนาดตัวป้าพัชเองเขาก็เห็นว่าป้าเข้าออกบ้านทุกวัน ส่วนเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ป้าก็ไม่ได้กับเขาเพราะไม่ผ่านการลงทะเบียน ไม่เชื่อไปตรวจสอบดูได้ ที่พอจะได้คือเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ200บาท ป้าก็เอาไว้ซื้อของใช้ตามร้านค้าสวัสดิการ แต่ที่ต้องออกมาชี้แจงในครั้งนี้เพราะว่า ป้ากลัวว่าจะมีกลุ่มคนที่หาผลประโยชน์จากตัวป้านกเอง ทั้งเรื่องของเงินบริจาคและอาหารของแมว เพราะตั้งแต่ตนย้ายมาอยู่ที่นี้ ตนไม่เคยรู้เลยว่ามีคนมาบริจาคเงินหรืออาหารแมว ทราย กรง หรือของใช้ต่างๆที่จำเป็นของแมว คนที่เคยมาช่วยป้านกที่บ้านบัวทองจะรู้ดีว่าป้า ไม่เคยเปิดบัญชีขอรับบริจาคใดๆ เพราะว่าป้าไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก ถ้าจะมาบริจาคส่วนใหญ่จะเข้ามาให้ถึงหน้าบ้าน แต่ทุกวันนี้แมวป้าที่อยู่ที่โกดังทั้งหมด 26 ตัว เวลาจะกินข้าวป้าต้องเดินไปขออาหารแมวจากทางบ้านของป้าพัชและได้มาเพียงวันละ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น วันไหนไม่พอป้าดาก็จะเป็นคนไปซื้อมาให้ต่างหาก เพราะว่าอาหารแมวทั้งหมดจะอยู่ที่บ้านป้าพัชหมดเลย ทุกวันตนไม่เคยรู้เรื่องว่ามีคนช่วยเหลือและบริจาคอาหารมาให้แมวของตนมากน้อยแค่ไหน เพราะเขาไม่เคยให้ป้ารับรู้ข้อมูลอะไรเลย แล้วพอมีคนเอามาให้ดูก็เห็นว่ามีคนเอาเรื่องราวแมวของป้าไปโพสต์ขอความช่วยเหลือ ขอรับบริจาคต่างๆ ค่ารักษา ค่าทำหมัน ค่าทำหลังคา แต่จริงๆแล้ว สิ่งของที่บริจาคมากลับเข้าไปที่แมวที่เขาเลี้ยงต่างหาก เพราะก่อนที่เขาจะเข้ามาช่วยเหลือป้า เขาเองก็เลี้ยงแมวและช่วยเหลือแมวอยู่แล้ว ถ้าทำเพื่อช่วยเหลือแมวตนก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าใช้ตนเป็นเครื่องมือเรียกความสงสาร กล่าวหาว่าตนทิ้งแมวแบบนี้ เรื่องเงินบริจาคก็ไม่เคยรับรู้ว่ามีคนบริจาคให้เท่าไรยังไง จนกระทั่งมีคนที่เขาเคยช่วยป้าเขาโทรมาบอกว่า มีคนเอาชื่อป้านกไปแอบอ้างเปิดบัญชีขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือแมวและมีคนที่โทรมาบอกป้าในลักษณะนี้หลายคน แต่ป้าก็ไม่ได้ติดใจเรื่องตรงนี้ เพียงแต่ในวันนี้อยากออกมาชี้แจงว่าป้าไม่ได้ทิ้งแมวไปไหน ยังอยู่กับแมวตลอด เงิน10,000 บาท ป้าก็ไม่เคยได้และที่สำคัญป้ากลัวว่าจะมีคนแอบอ้างเอาชื่อป้าไปเปิดบัญชีขอรับบริจาคอีก ก่อนหน้านี้ก็ปรึกษากับคนรู้จักว่าจะทำยังไงดี หากตนออกมาชี้แจงก็กลัวว่าเขาจะเกลียดและไล่ให้ออกไปอยู่ที่อื่น ตนไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนกลัวว่าหากออกไปแล้วแมวตนจะอยู่อย่างไร ที่ผ่านมาเลยก้มหน้ารับสภาพ แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าคนที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือป้านกจะเข้าใจผิดจึงต้องออกมาชี้แจง
เบื้องต้นได้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อป้องกันตัวเองหากมีใครเอาชื่อตนไปอ้างและแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการขอรับบริจาคแต่อย่างใด หลังจากนี้ก็คงต้องหาที่อยู่ใหม่.