นนทบุรี ต่อข่าว หน่วยงานคุมตัวป้าจิ้ง ส่งตรวจร่างกายโรงพยาบาล หวิดปะทะชาวบ้าน
จากกรณีวานนี้ที่ผ่านมา วันที่ 4 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเก่าแก่ 100 ปีริมแม่น้ำเจ้าพระยา หัวถนนท่าน้ำปากเกร็ดหมู่ 2 ต.ปากเกร็ดอ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังถูกสาวใหญ่ ทราบชื่อคือ ป้าจิ้งเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชุดนักเรียน อาละวาดอย่างหนัก ด่าทอชาวบ้าน ทุกๆวันจะจุดธูปกำใหญ่ไว้ในมือนับ 40-50 ดอก พร้อมกระดาษสวดมนต์ท่องคาถา เดินไปเดินมาชาวบ้านหวั่นเกรงก้านธูปจะไปจี้ถูกเสื้อผ้าจำนวนมากที่อยู่ในร้านจนเกิดเหตุสลดเพลิงไหม้ตลาด100 ปี เก่าแก่แห่งนี้ได้
โดยก่อนหน้านี้พ่อค้าแม่ค้าหลายรายเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เนื่องจากถูกสาดน้ำสกปรกส่งกลิ่นเหม็นถูกด่าทอจนทนไม่ไหว แต่คดีเงียบหายไม่มีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือหรือจัดการให้กับชุมชนแห่งนี้ได้เลย จึงอยากวิงวอนให้ผู้สื่อข่าวเป็นสื่อกลางช่วยดำเนินการกับสาวใหญ่เจ้าของร้านรายนี้ให้ด้วย
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 11.20 น. วันที่ 5 ส.ค.67 ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี , ประธาน กต.ตร.สภ.รัตนาธิเบศร์ และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.นนทบุรี และตำรวจสายตรวจสภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่เข้าพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับป้าจิ้ง โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวายป้าจิ้งได้พูดโวยวายด่าทอชาวบ้านที่เดินผ่าไปผ่านมาตลอดเวลา เจ้สหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 1 ชม. ทางป้าจิ้งได้สงบสติอารมณ์แล้วยอมทำตามเจ้าหน้าที่ โดยการไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชลประทานเบื้องต้น ว่ามีโรคประจำตัว หรือมีอาการทางจิตหรทอไม่ ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะเดียวที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุทางด้าน นายเอ นามสมมุติ (เสื้อเขียว) ได้เดินทางมาจุดเกิดเหตุด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเกือบปะคะคารมณ์กับชาวบ้าน นายเอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พี่สาวของตนได้มีเรื่องกับนางป้อมเพื่อนบ้านมา 20 ปี มาจากปัญหาที่เทน้ำลงท่อระบายน้ำและอาจจะไปเลอะหน้าบ้านของนางป้อม จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งหลังจากนั้นตนเองจึงมาก่อกำแพงปิดระหว่างบ้านทั้งสองหลังเพื่อไม่ให้พี่สาวตนเองไปเจอหน้าคู่กรณี ส่วนพี่สาวของตนเองนั้นมีโรคประจำตัวมีเป็นโรคหอบ จึงต้องกินยาเป็นประจำ และพี่สาวตนเองก็มีอาการเครียดเรื่องแม่ที่ป่วย และไม่เชื่อว่าพี่สาวตนเองนั้นจะเป็นคนจิตเวช ส่วนเรื่องที่พี่สาวตนเองจุดธูปนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็ต้องไปถามพี่สาวเอง
ส่วนทางด้านป้าจิ้ง ได้พูดจาวกไปวนมา ขณะเจ้าหน้าที่สอบถาม ชาวบ้านหรือพ่อค้าแม่ค้าเดินผ่านได้ชี้หน้าด่าทอตลอดเวลาต่อหน้าผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ โดยน.ส.จิ้ง กล่าวว่า ทางตนถูกชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้กลั่นแกล้งจัดฉากกล่าวหาว่าตนไปสาดน้ำใส่คนอื่น และตนได้ถูกทำร้ายร่างกาย จากคนที่ชื่อโตได้ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บเลือดไหลมีบาดแผลบริเวณด้านหลัง ไปแจ้งความแล้วแต่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการ ส่วนประเด็นที่ตนจุดธูปตนจุดเพื่อไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ จุดพเพื่ออธิษฐานขอพร รวมถึงสาปแช่ง ชาวบ้านที่มีปัญหา
ส่วนทางด้านน.ส.หญิง (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ตนและชาวบ้าน (เสื้อดำ) กล่าวว่า ตลาดนี้มีอายุมากกว่า 100 ปี ทุกอย่างเก่าหมด ตนไม่อยากให้ตลาดนี้เป็นเหมือนแถวเยาวราช ที่เกิดเหตุไฟไหม้ ตนค่อนข้างเป็นกังวลใจคือเรื่องการที่เขาจุดธูปกำใหญ่แล้วเดินไปมา ส่วนการที่เขาเอาน้ำสกปรก น้ำปัสสาวะมาราดพื้นคืออีกเรื่อง อยากให้เอาไปรักษาอย่างจริงจังไม่ใช่แค่ 2 เดือน ก็ปล่อยกลับบ้าน มีพี่น้อง 7-8 คนก็อยากให้มาร่วมรับผิดชอบด้วยกัน อย่ามาทิ้งเขาไว้ พอมีเรื่องจะมาบอกให้ดำเนินคดีตามกฏหมาย มีหมายเรียกก็ไม่ไป พูดกันอยู่แต่เรื่องสาดน้ำแต่จริงๆแล้วคือเรื่องของการจุดธูป ก่อนหน้านี้มีเรื่องของการพกมีดด้วย ตำรวจนำตัวไปโรงพักแค่ 3 ชั่วโมงก็นำกลับมาส่งที่เดิม แล้วก็ยังพกมีดอยู่เหมือนเดิม ถ้าเกิดพลาดพลั้งตนเป็นอะไรไปแล้วใครจะรับผิดชอบ ความตั้งใจของตนคืออยากให้มีหน่วยงานมานำตัวเขาออกไปจากพื้นที่ตรงนี้ เพราะชาวบ้านในชุมชนนี้กำลังเดือดร้อนกันหมด
ดร.แก้ว กล่าวว่า วันนี้หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ ปรากฏว่าได้พูดคุยกับป้าจิ้ง ได้ให้การวกไปวนมาก่อนที่จะรับปากตนว่าจะไม่นำน้ำมาสาด แล้วให้คำสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่จุดธูปหน้าบ้านต่อไปแล้ว จะย้ายไปจุดในบ้านแทน หลังจากการพูดคุยตนก็ได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ พม.จ.นนทบุรี ลงมาพูดคุยเพื่อหาทางออก ปรากฏว่าขณะเจ้าหน้าที่ พม.จ.นนทบุรี ได้ลงมาสอบถามทางด้านป้าจิ้ง ใช้เวลาพูดคุยเกลี่ยกล่อมนานกว่า 1 ชม. ป้าจิ้งยอมทำตามเจ้าหน้าที่ โดยยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชลประทาน ก่อนจะดำเนินการที่เกี่ยวข้องในส่วนต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวป้าจิ้งนำตัวขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไปส่งโรงพยาบาลกรมชลประทาน ทางป้าจิ้งได้เดินชี้หน้าด่าชาวบ้านทุกคนตลอดทาง ด่าทอด้วยคำหยาบคาย ประชาชรหรือชาวบ้านในพื้นที่เอือมระอาไม่ได้โต้ตอบอย่างใด แต่ได้ขอให้ว่าเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปจัดการและไม่อยากให้กลับมาวุ่นวาย หรือมีอาการลักษณะนี้อีก
เบลอหน้านางสาวหญิง ชาวบ้าน
_










