“อัจฉริยะ” โร่พบ ปคบ.มอบข้อมูลอาหารเสริมลดความอ้วนของ“เบนซ์ พรชิตา-สามี” เพิ่มเติม เผยเจ้าตัวโทรมาขอโทษแต่ตนไม่รับ เนื่องจากโดนดูถูกว่ารับจ้างมา ลั่นจะเดินหน้าดำเนินคดีจนกว่าจะเลิกขาย
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ปคบ. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมคดี“เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” และ “มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ” สองสามีภรรยา โฆษณาอาหารเสริม “ITCHA XS” โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.วันนี้ เนื่องจากได้ฟังแถลงข่าวของสองสามีภรรยาและทนาย ความแล้วไม่เห็นว่าเขาจะมีความรับผิดชอบอะไรเลย แล้วยังบอกอีกว่า อาหารเสริมมีการปลอมแปลง และบอกว่า ไม่มีการผสมสารไซบูทรามีนอีก โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ทางทนาย ของสองสามีภรรยาได้ไป มอบหนังสือ ให้นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นำตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากลอตการผลิตเมื่อเดือน ก.พ.-เม.ย. 2567 ที่ได้จากโรงงานผลิต รวมถึงตัวอย่างสินค้าลอกเลียนแบบมาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบสารไซบูทรามีน
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ดร.ธนกฤต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้รับการประสานงานจากทนายเจมส์ว่าจะนำสินค้ามายื่นขอให้กระทรวงฯ ตรวจสอบสารปนเปื้อนของสารไซบูทรามีน เมื่อร้องขอมาก็จะตรวจสอบให้ตามที่ร้องขอ ให้รับตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์หาสารปนเปื้อนว่ามีหรือไม่ โดยใช้เวลาตรวจอย่างน้อย 7–10 วัน แต่ผลออกมาอย่างไรจะไม่ไปกระทบกับสำนวนของการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่กำลังดำเนินการในส่วนคดีความ แต่เป็นการยืนยันเฉพาะสินค้าที่ได้รับมาตรวจเท่านั้น ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขไม่ควร ที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้
“ก่อนหน้านี้ทางสองสามีภรรยาได้โทรมาไกล่เกลี่ย บอกว่าขอโทษ และพร้อมเยียวยา ผมขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ไม่รับคำขอโทษ เนื่องจากโดนดูถูกว่ารับจ้างมา หาว่าใส่ร้ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเขา ซึ่งความเป็นจริงแล้วผมไม่ได้ที่จะใส่ร้ายเขา สิ่งที่ทำก็เพื่อความถูกต้อง และไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ผสมสารอันตรายนี้” นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกทางเจ้าของโรงงานที่ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้ มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และจะให้มีการตรวจสอบภาษีของบริษัทต่างๆ ที่ผลิตผลิตอาหารเสริมนี้ ว่าถูกต้องหรือไม่ และแม้ว่าผลตรวจ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้จะออกมาอย่างไรก็ตามตนก็จะเดินหน้าดำเนินคดีกับผลิตภัณฑ์นี้ไปเรื่อยๆ จนกว่า ทางผลิตภัณฑ์นี้จะเลิกขายหรือเลิกโพสต์อ้างสรรพคุณที่เกินจริง
