กองปราบ บุกรวบสองผัวเมียหลอกลงทุนเหมืองแร่ วันที่ 16 พ.ค.67 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว, พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว สว.กก.5 บก.ป. พร้อมกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม จับกุม นาย เติมลาภ อายุ 54 ปี และนาง นารีกานต์ อายุ 52 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดไชยา ที่ 27/2559 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2559 และ ศาลจังหวัดไชยาที่ 28/2559 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ตามลำดับ ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” จับกุมทั้งคู่ได้ที่ ห้างแห่งหนึ่ง แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องหน้าห้องเช่า แขวงคลองจั่น เขต บางกะปิ จ.กรุงเทพฯ สืบเนื่องจาก นายเติมลาภฯ และนางนารีกานต์ฯ สองสามีภรรยา ได้ชักชวนเหยื่อร่วมลงหุ้นทำธุรกิจเหมืองแร่ โดยจัดตั้งเป็นรูปแบบบริษัท โดยอ้างว่าจะให้ผู้เสียหายเป็นรองประธานบริษัท พร้อมกับผลตอบแทนที่สูง ผู้เสียหายจึงลงเชื่อร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ต่อมา ช่วงปลายปี 2557 นางนรีกานต์ ได้แจ้งให้ผู้เสียหาย โอนเงินเพื่อลงทุนจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆในกิจการเหมืองแร่ กว่าหนึ่งล้านกว่าบาท ต่อมาผู้เสียหายตรวจสอบพบว่า ทั้งคู่ ไม่ได้จัดตั้งธุรกิจหรือเปิดบริษัทแต่อย่างใด จึง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ หลังเกิดเหตุนางนารีกานต์ได้หนีไปอยู่ประเทศลาว และนายเติมลาภ ได้หลบหนีอยู่ในประเทศไทย แต่ไม่ทราบว่าที่ใด จกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า นาง นารีกานต์ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าห้างแห่งหนึ่ง แขวง สวนหลวง เขต สวนหลวง กรุงเทพมหานคร และนายเติมลาภฯ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าหอพัก ถนน แฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขต บางกะปิ จ.กรุงเทพมหานคร จึงนำกำลังลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวทั้งคู่ได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้น ทั้งคู่ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวส่ง สถานีตำรวจภูธรท่าชนะเพื่อดำเนินคดีต่อไป


