6 ก.ค.65 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย
รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว,
พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์, พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ และ พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี รอง ผกก 1 บก.ป.,
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ว่าที่ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.อิทธิพล อ่ำมาก, ร.ต.อ.ธนบดี ดวงจิตต์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., ร.ต.ท.วิรัตน์ โชตินิธิธำรง รอง สว.(ป).กก.1 บก.ป, ว่าที่ ร.ต.ต.คำสัน โคตรพันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.
กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 ประกอบด้วย ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ดู่มณี, ร.ต.ต.วีระพันธ์ พรพฤติพงศ์, ร.ต.ต.จีระพงษ์ศักดิ์ มวลคำลา รอง สว.กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6, ร.ต.อ.รังสรรค์ อ่อนดี, ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ดูมณี, ร.ต.ต.จีรพงษ์ศักดิ์ มวลคำลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6
กก.สืบสวน ภ.จว.สุโขทัย ประกอบด้วย ด.ต.ธวิน มโนวรรณ์, ด.ต.ชัยรัตน์ พุ่มพวง
ผบ.หมู่ สส.ภ.จว.สุโขทัย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กงไกรลาศ ร.ต.อ.พลวัฒน์ ทับทิม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กงไกรลาศ
ร่วมกันจับกุม นายชลธิศ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุโขทัย
ที่ 73/2565 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร”
จับกุม บริเวณทางเดินเท้าสาธารณะ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
การจับกุมนายชลธิศฯ ในครั้งนี้ เป็นการขยายผลมาจากการจับกุมหนึ่งในสมาชิกแก๊งฯ ที่เพิ่งถูกจับกุมไปเมื่อเดือน เม.ย.65 ที่ผ่านมา จากแนวทางการสืบสวนพบว่าแก๊งนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน โดยจะมีคนตระเวนลักรถประเภทต่างๆ ตามออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการ เลือกจุดจอดอยู่นอกบ้าน หรือสถานที่เปลี่ยว เมื่อได้รถตามออเดอร์แล้วจะนำส่งต่อให้นายชลธิศฯ เพื่อนำไปแยกอะไหล่ขายกระจายส่งตามชายแดน ส่งต่อนายทุนในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่บางคันก็จะถูกส่งมาขายยังพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยหลังจากศาลออกหมายจับนายชลธิศ ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. สืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงเฝ้าติดตามกระทั่งจับกุมไว้ได้
จากการสอบถาม นายชลธิศฯ เบื้องต้นรับว่า ตนมีหน้าที่เพียง นำอะไหล่รถไปส่งขายในตลาดมืดจริง อ้างได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 – 1,000 บาท ส่วนรายละเอียดกลุ่มลูกค้าหรือนายทุนนั้น ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง เพราะมีลูกพี่ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่เป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่าแก๊งลักรถนี้ ก่อเหตุมานานร่วม 3 ปี ก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วน มีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และถือเป็นเครือข่ายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือที่นำส่งต่อนายทุนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเมื่อปี 2562 สมาชิกของแก๊งเคยถูกจับกุมได้พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์หรูจำนวนหนึ่ง ก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมจับกุมขบวนการที่เหลือให้ครบทั้งขบวนการ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ ในเบื้องต้นอาจติดตั้งสัญญาณเตือนภัยโจรกรรมรถยนต์ หรือจอดในพื้นที่ที่คนร้ายสบโอกาสลักเอารถยนต์ไปได้ยาก เช่น พื้นที่ที่มีแสงสว่าง หรือบริเวณที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยหากพลาดพลั้งถูกโจรกรรมรถยนต์ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด เพื่อดำเนินการสืบสวนติดตามทรัพย์สินและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป