เปิดข้อหา 14 ผู้ต้องหา เเก๊งมินนี่ ข้อหาหนักอ่วม อัยการสั่งสอบเพิ่ม ‘ 8 ตำรวจตร.ลูกน้องบิ๊ก ตร.ขาดขังหลุดอำนาจคุมตัว ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’กับพวก5 คนโดนด้วยส่ง ปปช.พิจารณาทำคดีเองหรือส่งกลับให้ตำรวจทำ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมาพนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตฯ ได้รับสำนวนการสอบสวน คดีอาญาที่ 724/2566 บก.สอท.1 ที่พนักงานสอบสวน มีความเห็นทางคดีสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน (เดิมผู้ต้องหามีทั้งหมด60 กว่าคน )ประกอบด้วย 1.นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 2.น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี ผู้ต้องหาที่ 2 3.น.ส.อรณี ทองอรุณ ผู้ต้องหาที่ 3 4.พ.ต.ต.ซานนท์ อ่อมทร ผู้ต้องหาที่ 12 5.น.ส.ทักษพร หงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13 6.นายกิตติชัชิ ปภันโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 7.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผู้ต้องหาที่ 20 8.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21 9.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22 10.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผุ้ต้องหาที่ 23 11.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24 12.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผีต้องหาที่ 25 13.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงศ์ ผู้ต้องหาที่ 26 14.นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61 โดยเห็นควรสั่งฟ้อง นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวอรุณี ทองอรุณ ผู้ต้องหา ที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือ ทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ใด้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพรบ.การพนัน2478มาตรา 4, 4ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(9),5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1,3 ในความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่น ให้ทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา184,157, 86 นางสาวธันยนันท์หรือสุชานันท์หรือมินนี่ สุจริตชินศรีหรือกุลวัฒนโยธินผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐาน ฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3 (9), 5(1/2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83(เช่นเดียวกับผู้ต้องหาที่ 1,3) และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144,157,86 นางสาวทักษพรหรือโม พงษ์เหมวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 13 นายกิตติชัชหรือชัชวาล ปกัสโรบล ผู้ต้องหาที่ 14 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(9), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 13,14ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,86 พันตำรวจเอก ภาคภูมิหรือหนึ่ง พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 20 ในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน ตามพรบ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4,4ทวิ, 5,6,12(2) พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(4), 5(1)(2)(3),9วรรคสอง, 60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83(เหมือนผู้ต้องหาที่ 1-3) และ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนาณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรสอง, 10,60 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561มาตรา 128,169) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,83 พันตำรวจตรี ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ 12 ,พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ผู้ต้องหาที่ 21 ,พันตำรวจเอก อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้ต้องหาที่ 22 ,พลตำรวจตรี นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 23 ,พันตำรวจเอก เขมรินทร์หรือเปียก พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 24 ,สิบตำรวจเอก ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้ต้องหาที่ 25 ,สิบตำรวจเอก อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผู้ต้องหาที่ 26 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันฟอกเงิน, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนาณเป็นเงินได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย ว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวน ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 10,60 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 128,169ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157,83(เหมือนกับผู้ต้องหาที่ 20) นางภัสราวดี พิศมัย ผู้ต้องหาที่ 61 ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542มาตรา 3(5), 5(1)(2)(3), 9วรรคสอง, 10,60ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,86 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิชาต ถาใจ อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน เมื่อรับสำนวนพิจารณาเเล้วมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม 14 ข้อ โดยมีรายงานว่ามีข้อปลีกย่อยกว่า 6 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2566 เเละให้ส่งผลสอบเพิ่มภายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคดีครบขังสุดท้ายแล้ว ส่งผลให้ 8 นายตำรวจเเละผู้ต้องหาบางรายขาดขังเเละต้องปล่อยตัว ต่อมาเมื่อคดีขาดขังแล้วได้แจ้งคืนสำนวนบางข้อหา และบางคน เช่น ข้อหา ตาม พรบ การพนัน ฯ ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยยังมีรายงานอีกว่า ต่อมาคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ขยายผลพบพยานหลักฐานและผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ต้องหาข้างต้นในคดีเพิ่มเติม จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจอีก 5นาย คือ 1.พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร 2.พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ข้าราชการบำนาญ 3.พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. 5.พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี 6.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3บก.จร.บช.น. โดยลำดับที่ 1,3-5 กล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนี้นจะชอบหรือมิชอบในหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน , ร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณ เป็นเนได้จากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมายฯ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วบการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา 128, 172ป.อาญามาตรา 149, 157 และ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(9),5(1)(2) (3),9วรรคสอง,10,11 ประกอบกับ ป.อาญา มาตรา 83 ส่วนลำดับที่ 2กล่าวหาว่า สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน ,และร่วมกันฟอกเงิน และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 86,157และ พรบ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา 3(9),5(1)(2),9วรรรค สอง ประกอบ ป.อาญา มาตรา 83 ซึ่งคณะนี้ได้ส่งให้คณะกรรมการ ปปช.พิจารณาอยู่ว่าจะทำการสอบสวนคดีนี้เองหรือส่งกลับมาให้พนักงานสอบสวนชุดตำรวจทำ ซึ่งปปช.รับไปตั้งเเต่วันที่ 28 ธ.ค.เเต่ยังไม่มีคำสั่งกลับมา +++

