บิ๊กหลวง พบ รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว ขอบคุณช่วยจับ อ่อง กิม วาห์ ด้าน สปป.ลาวยันพร้อมช่วยไทยสกัดกั้นยาเสพติด —————————————————— วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าพบ พล.ต.คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ และหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจแห่ง สปป.ลาว พันเอก อินปง จันทะวงสา เลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว พันเอก สาลี พุดทะวง หัวหน้ากรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด สปป.ลาว และ พันโท พุดสะหวาด สูนทะลา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว เพื่อแสดงความขอบคุณ ในความร่วมมือการปราบปรามยาเสพติดระหว่าง 2 ประเทศ ที่ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับที่ไปอาศัยอยู่ใน สปป.ลาว และส่งมอบตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยมี นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และคณะ ร่วมเข้าแสดงความขอบคุณ ทั้งนี้ ทั้ง 2 ประเทศตกลงจะร่วมมือกันดำเนินการติดตามบุคคลตามหมายจับที่เหลือ โดยเฉพาะเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชากรทั้ง 2 ประเทศ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมนาย อ่อง กิม วาห์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดำเนินการต่อผู้ต้องหารายสำคัญที่มักหลบหนีหมายจับในประเทศไทยไปกบดานอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายให้ทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ให้ดำเนินการถึงตัวผู้สั่งการและยึดทรัพย์สินที่มาจากการค้ายาเสพติด และด้วยความร่วมมือที่ดีระหว่าง ป.ป.ส. และ กรมตำรวจใหญ่ สปป.ลาว เป็นสัญญาณดีในการดำเนินการต่อบุคคลระดับสั่งการที่ยังหลบหนีหมายจับ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า สำนักงาน ป.ป.ส. และ กรมใหญ่ตำรวจ สปป.ลาว มีความร่วมมืออันดีมาตลอด โดยเมื่อวันที่ 21-27 มกราคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ได้จัดโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการสืบสวนขยายผลแก่เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการตรวจตราและควบคุมยาเสพติด และกรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการสืบสวนขยายผลแก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และเป็นการขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เพิ่มศักยภาพในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตามมาตรา 5 (10) ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้เป็นพื้นที่เป้าหมายหลักในการสกัดกั้น ปราบปรามทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ลดความรุนแรงและความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จ.นครพนม (อ.ท่าอุเทน อ.เมืองนครพนม อ.ธาตุพนม อ.บ้านแพง) ซึ่งมีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 หรือ นบ.ยส.24 ในการขับเคลื่อนนโยบายส่งผลให้การลักลอบยาเสพติดในพื้นที่ดังกล่าวลดลง ด้าน สปป. ลาว ได้ยืนยันว่า เพื่อให้การสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น กรมใหญ่ตำรวจ สปป.ลาว จะช่วยดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติดอาจจะเปลี่ยนเส้นทางหลังจากทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศมีการเข้มงวดในการสกัดกั้นยาเสพติดตามพื้นที่พิเศษมากขึ้น ในตอนท้าย ทั้ง 2 ฝ่าย ได้หารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน โดยได้เห็นตรงกันในการร่วมพัฒนาชุมชนตามแนวชายแดน และหมู่บ้านคู่ขนาน ทั้งฝั่งประเทศไทย และ สปป.ลาว ให้มีความเข้มแข็ง และร่วมมือกันเพื่อสกัดกั้นและทำลายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ———-

