เปิดปฏิบัติการ ทลายแก๊งค้ารถหลุดจํานํา รวบเกือบยกแก๊ง กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การ อํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นําโดย พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.มณเทียร ธงเทียน รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ชวรินทร์ แหล่งสท้าน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.3 บก.ป. นําโดย พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป., ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจํานวน 7 ราย 1. นายจูหลิน ฯ (บอย) อายุ 40 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร” 2. นายณัฐวัฒน์ ฯ (โอ) อายุ 44 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร” 3. นายศุภชัย ฯ (เก้า) อายุ 39 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร” 4. นายภูตะวัน อายุ 43 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทําเพื่อค้า กําไร” 5. นายนิธิพัฒน์ ฯ (ไวท์) อายุ 32 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “รว่ มกันรับของโจร โดยได้กระทํา เพื่อค้ากําไร” 6. น.ส.ปทิตา (แยม) อายุ 37 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทําเพื่อ ค้ากําไร” 7. น.ส.ภัทราภรณ์ ฯ (หญิง) อายุ 37 ปี ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ปลอม หรือใช้เอกสารราชการ ปลอม ,ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน และพา อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไปในหมู่บ้านในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่” สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจกก.1 บก.ป. ได้รับแจ้ง จากผู้เสียหายว่าประมาณเดือนกรกฎาคม รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า ยิริส สีดํา ของตนเองได้ถูกเช่าไปโดย นายภูตะวัน ฯ จากนั้นนายภูตะวันฯ ได้ทําการเชิดรถไป ไม่นํามาคืน ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อมาผู้เสียหายได้พบรถยนต์คันดังกล่าวถูกโพสต์ประกาศขายบนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “นางฟ้า รถหลุดจํานํา” ลักษณะน่าจะเป็นเครือข่ายค้ารถยนต์หลุดจํานําอย่างผิดกฎหมาย จึงมาติดต่อขอ ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตํารวจให้ช่วยติดตามทรัพย์คืน และจับกุมคนร้ายผู้มีส่วนร่วมในการกระทําความผิด มาดําเนินคดี ต่อมาตํารวจ กก.1 บก.ป. จึงได้วางแผนล่อซื้อรถยนต์คันดังกล่าว กับเพจ “นางฟ้า รถหลุดจํานํา” นัด หมายสถานที่ส่งมอบรถกันที่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อถึงเวลา นัดหมายส่งมอบรถ คนร้ายได้นํารถคันดังกล่าวมาให้สายลับตรวจดูก่อนทําการซื้อขาย กระทั่งแน่ใจว่าเป็น รถยนต์ของผู้เสียหายที่แจ้งหายไว้ จึงส่งสัญญาณ ให้เจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าแสดงตัว และทําการจับกุมตัวกลุ่ม คนร้าย พร้อมกับยึดรถคันดังกล่าวนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เจ้าของคดี เพื่อนําส่งคืนให้กับ ผู้เสียหาย โดยขณะนั้นจับกุมผู้ต้องหา จํานวน 3 ราย ได้แก่ นายบอย, นายเก้า และนายโอ ในข้อหา ร่วมกัน ยักยอกทรัพย์หรือรับของโจรฯ แต่ไร้ร่องรอยของตัวนายภูตะวันฯ ผู้เช่ารถคันดังกล่าวมาจากผู้เสียหาย จากการสอบปากคําผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ทําให้ทราบข้อมูลว่าเครือข่ายคนร้ายที่กระทําความผิดเกี่ยวกับ การซื้อขายรถยนต์หลุดจํานํานั้น จะมีการส่งต่อลูกค้ากินหัวคิวกันหลายทอด โดยแต่ละทอดก็จะมีนายหน้าหัก ค่าคอมมิชชั่น มีลักษณะเป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมโยงกันด้วยผลประโยชน์ทางการเงิน มีการแบ่งหน้าที่กันทํา ต่างกันไป เช่น นายทุนที่รับรถหลุดจํานํามาเพื่อปล่อยค้ากําไร, นายหน้าหาลูกค้า, คนทําเพจประกาศขายรถ ทางออนไลน์, คนหารถป้อนเข้าสู่ขบวนการ และช่างรับถอด GPS เป็นต้น ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ป. สามารถสืบขยายผลไปยังคนร้ายผู้ร่วมก่อเหตุได้อีก 4 ราย คือ นายไวท์ , นายโจ, นายตฤณ และนางสาวแยม ฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ในข้อหา“ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทําเพื่อค้ากําไร”และสืบสวนขยายผล รวมทั้งติดตามตัวมาอย่าง ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนล่าสุด นํามาสู่การเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายรถหลุดจํานําดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ เพิ่มเติม รวมถึงตัวนายภูตะวันฯ คนต้นเรื่อง และเป็นผู้เช่ารถคันของผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตํารวจทําการล่อซื้อ ติดตามคืนมาก่อนหน้านี้ จึงนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดําเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของนายโจ หรือนายบรรจงฯนั้น เคยถูกจับกุม และตัวอยู่ในเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะที่นายตฤณฯ อยู่ระหว่าง การเร่งติดตามตัวมาดําเนินคดี พร้อมเตรียมขยายผลในเครือข่ายนี้ทั้งหมดต่อไป ทั้งนี้ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตํารวจบก.ป. โดยเฉพาะคืนก่อนหน้าวันเปิดปฏิบัติการระหว่าง ที่เจ้าหน้าที่ตํารวจกําลังเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของนายไวท์ หนึ่งในผู้ต้อง และยังเป็นนายทุนซื้อขายรถยนต์ราย สําคัญ ในขบวนการนี้ เจ้าหน้าที่พบว่านายไวท์มีการปล่อยขายรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา ให้กับลูกค้า หญิงรายหนึ่งที่นั่งเครื่องบินมาจากจังหวัดอุดรธานี หลังจากซื้อรถไปแล้วได้ขับขี่มุ่งหน้าไปทางพื้นที่ภาคอีสาน โดยผ่านเส้นทางดังนี้ ไปจ.นครราชสีมาไปยังจังหวัดขอนแก่น ต่อไปยังจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ เจ้าหน้าที่ตํารวจ พบว่ามีโอกาสที่จะมุ่งหน้าข้ามแดนไปสู่ประเทศลาว ทางกก.1 บก.ป. จึงประสานกับกก. 3 บก.ป. ซึ่งรับผิดชอบและมีความชํานาญในพื้นดังกล่าว ให้ สะกดรอยติดตามรถคันดังกล่าวไป กระทั่งในเช้าของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.3 บก.ป. เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าว ภายในร้านค้ายางรถยนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีนางสาวหญิง แสดง ตัวเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม และยัง ตรวจพบอาวุธปืนรีโวลเวอร์ จํานวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีกหลายนัดด้วย จึงจับกุมตัวนางสาวหญิง พร้อม ตรวจยึดของกลางนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดร พื้นที่รับผิดชอบ ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัยฝากประชาชนตรวจสอบให้ดี ก่อนซื้อ “รถหลุดจํานํา-ราคาถูก” ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี เสี่ยงเสียเงิน ฟรี แถมอาจถูกดําเนินคดี !! – รถหลุดจํานํา ที่ถูกนํามาขายในราคาถูก ส่วนมากเป็นรถติดไฟแนนซ์ ที่ยังผ่อนไม่หมด กรรมสิทธิ์การ เป็นเจ้าของรถ ยังคงเป็นของไฟแนนซ์อยู่ดี – การโอนลอย ไม่ถือเป็นการโอนย้ายกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ เพราะความจริงการโอนย้ายกรรมสิทธิ์ จะต้องไปทําเรื่องอย่างเป็นทางการที่กรมการขนส่ง – รถที่ไม่ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะไม่สามารถต่อ พ.ร.บ. หรือทําประกันได้ – ถ้าโดนไฟแนนซ์ตามรถเจอ ก็อาจจะโดนยึดรถ – หากไฟแนนซ์ หรือ เจ้าของรถ ดําเนินคดีอาญากับผู้เช่าซื้อรายแรกในข้อหา “ยักยอก” หรือ “ลักทรัพย์” เราก็อาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันในข้อหา “รับของโจร” อีกด้วย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถจากใคร ไม่ว่าจะเป็นรถหลุดจํานําหรือไม่ก็ตาม ควรศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ดูเอกสารให้เรียบร้อย เพื่อที่จะไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง



