นนทบุรี สาวร้องสื่อ ถูกหลอกขายที่ดินใต้สายไฟฟ้าแรงสูงไม่สามารถปลูกบ้านได้ หมดเงินไปแล้วกว่าล้านบาท
วันที่ 7 พ.ย.2566 เมื่อเวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นาง มัทนา หรือ โอ๊ต มลังไพศรพณ์ อายุ 48 ปี กรณีที่ตนซื้อที่ดินบริเวณ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เนื้อที่ดิน 3 งาน 79 ตร.ว.เพื่อที่จะปลูกบ้าน จากนาย สุรพล พุ่มประดับ(เจ้าของโฉนด) ในราคา 920,000 บาท และมีการทำสัญญาซื้อขายกันในวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี หลังจากนั้นได้มีการสั่งดินมาลงในพื้นที่และให้รถแบคโฮมาขุดดินปรับพื้นที่และทำการลงเสาเข็มเทคานล้อมรั้ว เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 300,000 บาท เพื่อที่จะเตรียมสร้างบ้าน หลังจากนั้นเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ตนจึงได้จ้างผู้รับเหมาเข้ามาตีราคาในเรื่องของการนำดินมาลงและใช้รถแบคโฮขุดและปรับหน้าดินพร้อมทั้งลงเสาเข็มเทคานล้อมรั้ว ในช่วงที่กำลังก่อสร้างวันที่ 26 ต.ค มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าได้เข้ามาบอกกับตนว่าพื้นที่นี้ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้เนื่องจากอยูใต้สายไฟฟ้าแรงดันสูงซึ่งอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตจากไฟฟ้าได้
นาง มัทนา เล่าว่า เมื่อช่วงเดือน ส.ค.66 ตนได้ตระเวณหาซื้อที่ดินที่เป็นธรรมชาติเพื่อที่จะปลูกบ้านเอาไว้อยู่ตอนแก่กับลูกๆ และหมาแมว โดยเลือกแถวๆคลองฝรั่ง ต.ไทรน้อย เนื่องจากเดินมาสะดวก โดยนำเงินจากการขายบ้านที่อยู่ในตัวเมืองมาใช้หนี้และนำที่เหลือมาซื้อที่ดินและปลูกบ้าน ขณะกำลังขับรถหาซื้อที่ดิน ก็ไปพบกับคุณป้าท่านหนึ่งซึ่งมารู้ที่หลังว่าเป็นแม่ของนาย สุรพล ได้แนะนำว่ามีที่อยู่ด้านในจำนวน 1 ไร่ ลูกชายขายแค่ล้านเดียว ตนจึงเข้ามาดูและถูกใจจึงได้ตกลงจะซื้อที่ดินดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดินที่ขาย ไม่ถึง 1 ไร่ ตามที่บอก พื้นที่มีแค่ 3 งาน 79 ตร.ว.จึงตกลงราคากันที่ 920,000 บาท ค่าโอนออกคนละครึ่ง ต่อมาก็ได้ไปทำการซื้อขายกันที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี ซึ่งตอนแรกตนจะซื้อแคชเชียร์เช็คให้ แต่แม่ของนาย สุรพล บอกว่า ตนเป็นคนบ้านนอกไม่รู้เรื่องการขึ้นเงิน ขอเป็นเงินสดดีกว่าเพราะจะต้องนำเงินไปซ่อมแซมบ้านของลูกชาย ต่อมาหลังจากทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว ช่วงต้นเดือน ต.ค.ตนได้เริ่มให้คนงานเข้ามาเคลียร์พื้นที่ ก็มาสังเกตุเห็นว่าที่ดินที่ตนซื้ออยู่ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง จึงได้ทำการสอบถามกับแม่ของนายสุรพล ว่ามันสามารถสร้างบ้านได้หรอ แม่ของนายสุรพล บอกว่า สร้างได้แต่ให้ขยับไปสร้างริมๆอีกฝั่งนึงที่อยู่ห่างจากสายไฟ
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ขณะที่ตนกำลังสั่งงานคนงานให้เอาดินมาลงเพิ่ม ก็มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าเข้ามาทั้งหมด 4 คนและแจ้งกับตนว่าพื้นที่บริเวณนี้ห้ามปลูกสร้างบ้าน ห้ามปลูกสิ่งก่อสร้างใดๆ ให้ทำการเกษตรอย่างเดียว ตนก็ได้ถามกับเจ้าหน้าที่ไปว่าแล้วทำไมเจ้าของที่เดิมเขาไม่บอกตนว่าสร้างบ้านไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า เจ้าของเดิมเขาได้เงินค่ารอนสิทธิ์จากการไฟฟ้าไปแล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าก็ทำการวัดระยะให้ สรุปแล้วทั้งแปลงไม่สามารถปลูกสิ่งก่อสร้างได้เลย ถึงขนาดเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเลี้ยงปลา ปลาก็ตาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้รับรู้ว่า ป้าที่อยู่แปลงข้างๆ ก็โดดไฟดูดขณะที่กำลังตัดต้นไม้อยู่จนต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว จึงเกิดความกลัวและกังวล
หลังจากนั้นวันที่ 27 ต.ค.ตนเดินทางไปที่สำนักงานการไฟฟ้าเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว และในวันต่อมาเจ้าหนาที่การไฟฟ้าก็โทรมาแจ้งว่า นาย สุรพลได้รับเงินค่ารอนสิทธิ์จากการไฟฟ้าไปแล้วจริง แต่ไม่รู้ว่าเท่าไร จึงได้โทรไปสอบถามกับนายสุรพล ก็ได้รับคำตอบว่า ไฟฟ้าจะมาเอาเปรียบตนได้ยังไงเขาไม่ได้ซื้อที่ของตนและตนก็มีโฉนดอยู่ หลังจากคุยกันตนเห็นว่านาย สุรพลยังมีที่ดินข้างๆเหลืออยู่จึงบอกว่าจะขอแลกได้ไหม แต่นายสุรพลก็เรียกเงินจากตนอีก 600,000 บาท ตนจึงเห็นว่าเหมือนโดนเอาเปรียบเพราะไม่ยอมบอกกับตนตั้งแค่แรกว่าที่ดินตรงนี้สร้างบ้านไม่ได้ พอขอเงินคืนก็ได้รับการปฏิเสธ และท้าทายว่าถ้าอยากได้คืนก็ให้ไปฟ้องเอา แถมขู่ตนอีกด้วยว่าเดียวก็รู้ว่าใครจะต้องเสียเงินมากกว่าเดิม เพราะเขาอ้างว่าพ่อเขาเป็นนายพลเก่า ตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน นาย ประทีป สันปาแก้ว ผู้ชำนาญการ ทีมงาน ส.ส.เกียรติคุณ ต้นยาง พรรคก้าวไกล พร้อม นาย บุญทาน ช้างจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 คอลงฝรั่ง รวมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ โดย นาย ประทีป กล่าวว่า ในวันนี้ทีมงานมาร่วมลงพื้นที่สังเกตุการณ์และได้ให้คำแนะนำในเรื่องของการซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้รับอนุญาตจากการไฟฟ้าให้ซื้อขาย เนื่องจากการไฟฟ้าได้ให้เงินรอนสิทธิ์ค่าที่ดินกับเจ้าของคนเก่าไปแล้ว ซึ่งมาพบประเด็นตรงที่ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ ผู้เสียหายมาซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วไม่สามารถปลูกบ้านได้ จึงสงสัยว่าทำไมทางการไฟฟ้าไม่ยึดโฉนดที่ดินไป ทำไมจึงปล่อยให้เอามาขายต่อให้กับคนอื่นได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ซื้อไปที่หลัง ซึ่งตนเชื่อว่าจะต้องมันเป็นกฏหมายที่ต้องเข้าไปแก้ไข จะต้องฝากให้ทาง ส.ส.พรรคก้าวไกลนำไปพิจารณาว่า ไม่ควรปล่อยปละละเลยกฏหมายประเภทนี้ของการไฟฟ้า ให้สามารถนำเอาโฉนดไปซื้อขายกันต่อได้ ทั้งๆที่ระเบียบของการไฟฟ้าบอกไว้ชัดเจนว่าไม่สามารถทำอะไรได้ในรัศมีของสายไฟฟ้าจะหลายหมื่นหลายพันโวลต์ซึ่งจะมีรัศมีแตกต่างกัน และเมื่อสานไฟฟ้าแรงสูงผ่านแล้วจะไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง ดังนั้นการรอนสิทธิ์อย่างเดียวไม่เพียงพอควรจะยึดโฉนดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้นำไปขายต่อให้ผู้อื่น อย่างเคสนี้ถือว่าน่าสงสารมาก เขาใช้เงินทั้งชีวิตที่เก็บมาแล้วมาเจออะไรแบบนี้ ตอนนี้คิดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็น่าจะรับเรื่องไว้แล้ว ก็คาดว่าทางผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรม และอยากจะขอฝากเตือน พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่จะซื้อที่ดินในลักษณะแบบนี้ที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงแบบนี้ ท่านไม่สามารถซื้อที่ดินที่ถูกการไฟฟ้ารอนสิทธิ์ไปแล้วได้ หรือถ้าจะซื้อจริงๆต้องไปดูในเรื่องของข้อจำกัดว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ต้องขอฝากเตือนไว้ ให้สังเกตุสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านและท้ายที่สุดท่านจะไม่ถูกหลอกก็ขอใากไว้ตรงนี้ด้วย
ทางด้าน นาย บุญทาน ช้างจัทร์ (สวมเสื้อสีม่วง)ผู้ใหญ่บ้านหมู่7 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่บริเวณนี้มีเหตุลักษณะนี้บ่อย ส่วนมาคนที่มาซื้อจะไม่ค่อยรู้เรื่องว่าหากซื้อที่บริเวณใกล้สายไฟฟ้าแรงสูงห้ามปลูกสิ่งก่อสร้างใดๆทั้งสิ้น และเจ้าของที่ก็มักจะไม่บอกข้อมูลทั้งหมดให้กับผู้ซื้อเนื่องจากว่ากลัวจะขายที่ไม่ได้ ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาซื้อที่จนปลูกบ้านเสร็จแล้ว ทางการไฟฟ้าก็มาบอกให้รื้อออกไป ต่อมาก็มีคนมาซื้อที่ผ่านนายหน้าทางออนไลน์ จ่ายเงินกันจบพอมาดูที่ถึงรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยเอาไว้แบบนี้ต้นไม้ขค้นรกเต็มไปหมด และยังมีอีกหลายรายที่โดนหลอกขายที่ในลักษณะแบบนี้





