ตม.สมุทรปราการ ร่วมกับ สาธารณสุข และจัดหางาน จ.สมุทรปราการ ทลายแหล่งเก็บเครื่องสำอางเถื่อน จับ 2 สามี-ภรรยา ชาวกัมพูชา ลอบขายผ่านสื่อออนไลน์
ตามนโยบาย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถพล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม.พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการระดมกวาดล้างคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต (OVERSTAY) และ ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทยและคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยถูกต้อง
ตม.จว.สมุทรปราการ สืบสวนทราบว่า มีบุคคลต่างด้าวเป็นหญิงชาวกัมพูชา ลักลอบขายเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook และ Tiktok โดยมีสถานที่เก็บสินค้าอยู่ใน จ.สมุทรปราการ จึงให้สายลับล่อซื้อสินค้า พบว่าเครื่องสำอางดังกล่าวไม่มีเครื่องหมาย อย. จึงลงพื้นที่สืบสวนพิสูจน์ทราบบุคคลจนทราบตัวผู้กระทำความผิด พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นศาล จ.สมุทรปราการ
ต่อมา วันที่ 25 ส.ค.2566 จนท.ตม.จว.สมุทรปราการ สนธิกำลัง จนท.จัดหางาน จว.และ จนท.สธ.จว.สมุทรปราการ นำหมายศาลฯเข้าตรวจค้นห้องพักภายในอพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ พบว่า มีหญิงชาวกัมพูชา วัย 29 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของห้อง พร้อม ชายชาวกัมพูชา วัย 30 ปี ทั้ง 2 เป็น สามี-ภรรยากัน ส่วนการตรวจค้นพบ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สบู่ ครีม และ เซรั่มบำรุงผิวขาว ที่มิได้จดแจ้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มากกว่า 2,200 ชิ้น
จนท.สอบสวนทั้ง 2 ยอมรับว่า สั่งซื้อเครื่องสำอางเหล่านี้มาจากประเทศกัมพูชา ก่อนนำ มาไลฟ์สดขายผ่านสื่อออนไลน์ ให้คนสัญชาติเดียวกันที่อาศัยอยู่ในไทย โดยขายมาราว 8 เดือน แล้ว มีรายได้เดือนละ 50,000 – 80,000 นอกจากนี้ การตรวจสอบเอกสารประจำตัวบุคคลต่างด้าวก็ยังพบว่า ฝ่ายหญิงอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกำหนดอนุญาตแล้ว 877 วัน ส่วนฝ่ายชาย หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย และ แอบมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องดังกล่าว จนท.จึงร่วมกันจับกุม ดำเนินคดี ฝ่ายหญิงในข้อหา รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือ ช่วย ด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมตาม รวมทั้ง เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือ ทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้ และ ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง ส่วนฝ่ายชายถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือ ทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้ และ ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง พร้อมตรวจยึดเครื่องสำอางทั้งหมดเป็นของกลาง ส่ง พงส.สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงศ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ ฝากถึง ปชช.ใน จ.สมุทรปราการ เกี่ยวกับการทำงานของบุคคลต่างด้าวว่า เดิมมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2566 นั้น กำหนดให้คนต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อ ความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อ กรมการจัดหางาน ภายในวันที่ 31 ก.ค.2566 เรียบร้อยแล้ว สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงาน ได้ถึงวันที่ 31 ก.ค. 2566 นั้น ปัจจุบัน ครม.เห็นชอบ ขยายระยะเวลาคนต่างด้าว 4 สัญชาติดังกล่าว ให้สามารถอยู่ในไทยและทำงานได้จากเดิม 31 ก.ค. 2566 เป็นถึง วันที่ 30 ก.ย.2566 โดยสามารถใช้บัญชีรายชื่อเป็นหลักฐานว่า ได้รับการผ่อนผันแล้ว












