-(ต่อ)-
- กำชับการปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด (ข้อกำหนด ฉ.45) ลงวันที่ 30 พ.ค. 65 และ ตร. ได้มี วิทยุ ตร. ด่วนที่สุดที่ ศปม5.31/46 ลง 1 มิ.ย. 65 กำชับการปฏิบัติ ดังนี้
8.1 ให้ทุกหน่วยเข้มงวดกวดขัน ติดตาม กำกับดูแล และตรวจสอบการลักลอบเปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ซึ่งยังคงกำหนดให้ปิดการดำเนินการไว้ก่อน ยกเว้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เฝ้าระวัง 14 จังหวัด และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 29 จังหวัด (17 จังหวัด และในบางพื้นที่อีก 12 จังหวัด) ซึ่งต้องผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่นั้น ๆ
8.2 ให้หน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้จัดชุดสายตรวจร่วมออกตรวจสอบ สถานบริการ สถานประกอบการ ซึ่งต้องผ่านการตรวจมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ให้เปิดบริการจำหน่ายและบริโภคได้ไม่เกิน 24.00 น. ต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว ขณะให้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ในทุกสัปดาห์ให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ประเมินความเสี่ยงของตนเองในแอปพลิเคชั่นไทยเซฟไทย (Thai save Thai) และผู้ประกอบการต้องดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ใช้บริการ โดยจะให้บริการได้เฉพาะผู้ใช้บริการที่แสดงหลักฐานว่าได้รับวัคซีนที่กำหนด พร้อมทั้งได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วเท่านั้น
8.3 ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุมกำกับดูแลสถานบริการ สถานประกอบการ ผับ บาร์ ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด และกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้ระมัดระวังและเข้มงวดในมาตรการป้องกันตนเอง เพื่อมิให้ติดเชื้อในขณะปฏิบัติงานตลอดเวลา - ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ศบค. จึงมีมติให้เปิดสถานประกอบการที่มีลักษณะสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ภายใต้การปรับมาตรการเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามการคลายมาตรการต่าง ๆ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้น
เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค จึงขอให้ทุกหน่วย ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในทุกพื้นที่ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานระดับพื้นที่ในการป้องกันและสกัดกั้นการลักสอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กำกับดูแล เข้มงวดในมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในทุกช่องทาง และสร้างความตระหนักรู้ให้ข้าราชการตำรวจในปกครองพร้อมครอบครัวปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้จะต้องกวดขัน การดำเนินการของสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานประกอบการคล้ายกัน ที่ได้รับการผ่อนคลายให้เปิดบริการเฉพาะในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด รวมทั้งกวดขันการดำเนินการของโรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ การแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ลักษณะเดียวกัน ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติ โดยยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด - เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (Personal Data Protection Act) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ากฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ และ ป้องกันแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ซึ่งประชาชนและข้าราชตำรวจจำนวนมากยังขาดความเข้าใจในตัวกฎหมาย เนื่องจากเป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งจะบังคับใช้ อีกทั้งยังพบการส่งต่อข้อความ ที่มีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความสับสนเข้าใจผิด จึงขอให้หัวหน้าสถานีตำรวจ สร้างการรับรู้ให้กับกำลังพลในปกครองได้เข้าใจประเด็นสำคัญของกฎหมายดังกล่าว อาทิ
10.1 การถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอที่ติดภาพของบุคคลอื่นโดยไม่เจตนาและไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับบุคคลที่ถูกถ่าย หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว สามารถทำได้
10.2 การโพสต์ภาพหรือคลิปวิดีโอที่ติดภาพของบุคคลอื่นในสื่อสังคมออนไลน์ หากทำเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่แสวงหากำไรทางการค้า และไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย สามารถทำได้
10.3 การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือนหากติดเพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย
10.4 การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมก่อน ในกรณีเป็นการทำตามสัญญา, เป็นการใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ, เป็นการใช้เพื่อรักษาชีวิต หรือร่างกายของบุคคล, เป็นการใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางสถิติ, เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นการใช้เพื่อปกป้องประโยชน์หรือสิทธิของตน
ทั้งนี้ ให้ขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจ งดส่งต่อข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว เพราะอาจทำให้ถูกผู้ไม่หวังดี อาศัยความเข้าใจผิดดังกล่าว ไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 สามารถติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลได้ ทางเพจเฟซบุ๊ก PDPC Thailand ผ่านทาง https://www.facebook.com/pdpc.th หรือแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ไต้ตลอด 24 ชม
ณ ห้องประชุม ภ.7 ชั้น 2 ถ.ข้างวัง ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม














