ร้องกองปราบ ตามจับจิ้งจอกสังคม หลอกหญิงสาวให้รัก ลวงให้ออกรถก่อนเชิดหนี เหยื่อเกือบ 20 ราย เสียหายรวมกว่า 50 ล้าน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมผู้เสียหาย จำนวน 3 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เสวก บุญจันทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อยื่นเรื่องขอให้ตำรวจกองปราบช่วยติดตามจับกุม นายจิรากร (สงวนนามสกุล) หลังถูกหลอกให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ป้ายแดงคนละ 5-6 คัน อ้างจะนำไปปล่อยเช่า ก่อนจะเชิดรถหนีไป ทำให้ถูกไฟแนนซ์รถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย คนละ 5-6 ล้านบาท
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี แม่ค้าออนไลน์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ปลายปี 64 ได้รู้จักกับ นายจิรากร ผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ จึงมีการติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา จนกระทั่งไว้เนื้อใจยอมคบหาเป็นแฟนกัน จากนั้นนายจิรากร ก็ขอให้ตนย้ายไปอยู่กับเขาที่ จ.ขอนแก่น อ้างว่าตัวเองเปิดบริษัทให้เช่ารถยนต์อยู่ที่นั้น ด้วยความที่รัก จึงยอมย้ายไปอยู่กินด้วยกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายจิรากรได้มาขอให้ช่วยทำเรื่องซื้อรถยนต์ รถจยย.ป้ายแดง จำนวน 6 คัน อ้างว่าจะนำไปปล่อยเช่า แต่เขาไม่สามารถซื้อรถเป็นชื่อของตัวเองได้ เพราะเพิ่งซื้อรถไปยังไม่ครบ 6 เดือน จึงต้องให้ตนเป็นคนซื้อให้ พร้อมกับยืมเงินตนไปอีก 895,000 บาท อ้างว่าไปจ่ายจ้างพนักงาน ด้วยความไว้ใจจึงยอมทำตาม กระทั่งผ่านไปได้ประมาณ 3 เดือน ทางไฟแนนซ์รถได้โทรมาทวงค่างวดรถที่ตนเป็นคนเช่าซื้อทุกคันว่า ไม่มีการส่งค่างวดรถ ตนจึงได้ถามนายจิรากร แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงว่า เก็บเงินลูกค้าไม่ได้ ก่อนจะเริ่มตีตัวออกห่างแล้วหนีหายขาดการติดต่อไปในที่สุด ทิ้งให้ตนแบกรับภาระหนี้สินกว่า 4.6 ล้านบาท เพียงลำพัง ก่อนที่ต่อมาตนจะมารู้ในภายกลัวว่า นอกจากตนแล้วยังมีหญิงสาวที่ถูกนายจิรากร หลอกในลักษณะเดียวกันอีกเกือบ 20 คน
“ เท่าที่ตนรู้มา ยังมีเหยื่อหญิงสาวอีกราย ถูกนายจิรากร หลอกเงินจนเป็นหนี้หนักกว่าตนหลายเท่า หนักจนถึงขั้นกลายเป็นโรคซึมเศร้า จากการที่ต้องสูญเสียแม่ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเครียดที่เห็นลูกสาวกลายเป็นหนี้สินไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้”
ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ รู้จักกับนายจิรากร ผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังนายจิรากร พยายามส่งข้อความมาหา อ้างว่าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลห้องฉุกเฉิน ก่อนจะพูดคุยกันในเชิงชู้สาว จนตัดสินใจคบหากัน เพราะเห็นว่าเขาเทคแคร์ดี เอาใจใส่ พูดจาเพราะ หลังคบหากันได้ไม่นาน นายจิรากร ก็เริ่มออกลาย บอกว่าตนเองมีธุรกิจปล่อยเช่ารถ แต่ขาดเงินหมุนเวียน เพราะเพื่อนที่ร่วมทำด้วยกันได้ถอนหุ้นไป อยากให้ตนช่วยร่วมลงทุนแต่ตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น นายจิรากรจึงบอกว่าไม่ต้องลงเงินก็ได้แค่ช่วยไปซื้อรถเป็นชื่อตนมาให้กับเขา เพื่อปล่อยเช่าก็พอ ก่อนจะพาตนไปที่โชว์รูมรถ โดยให้ตนซื้อรถเก๋ง รถกระบะ รถจยย.ป้ายแดง รวม 7 คัน แต่หลังจากได้รถไปแล้วกลับตัดยาดการติดต่อจนทำให้ตนต้องกลายเป็นหนี้กว่า 5 ล้านบาท
ด้านน.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี กล่าวว่า ตนทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ขอนแก่น โดยนายจิรากร ได้เข้ามาทำทีตีสนิทเชิงชู้สาว บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดนอกเครื่องแบบและประกอบธุรกิจปล่อยรถให้เช่า แต่เพื่อนที่ร่วมลงทุนถอนตัวไป จึงอยากให้ตนมารวมลงทุนด้วย ตอนแรกก็ขอยืมเงินไปใช้จ่ายทำธุรกิจอ้างว่าค่าจ้างลูกน้อง ค่าทำรถซ่อมรถ ตนก็โอนไปให้ตลอดเป็นเงินกว่า 2.5 ล้านบาท จนไม่มีเงิน นายจิรากรบอกว่าให้ช่วยซื้อรถให้จะเอาไปปล่อยเช่าทั้งรถเก๋ง รถกระบะ รถจยย.ป้ายแดง รวม 6 คัน จนตนต้องกล่ยเป็นหนี้รวมกว่า 4 ล้านบาท
นายรณรงค์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมของ นายจิรากร นั้นจะทำทีตีสนิทเหยื่อที่เป็นหญิงสาวผ่านทางแอพพลิเคขั่นหาคู่ ในเชิงชู้สาว กระทั่งเมื่อเหยื่อเริ่ทไว้ใจยอมคบหากันก็ตะออกลายชักชวนร่วมลงทุนธุรกิจปล่อยรถเช่า เมื่อได้รถมาแบ้วก็จะเชิดหนีหายไป ทิ้งหนี้ไว้ให้เหนื่อต้องแบกรับภาระเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็ไปหาเหยื่อรายใหม่ ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า 20 ราย มูบค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท มีการเข้าแจ้งความไว้แล้วในหลายพื้นที่ แต่ก็ยังไม่สามารถตามจับกุมตัวนายจิรากรได้ ในวันนี้จึงตัดสินใจพาตัวผู้เสียหายมายื่นร้องขอความช่วยเหลือกับทางตำรวตกองปราบ เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดตามจับกุมตัวนายจิรากร มาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับเหยื่อรายใหม่
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนประมวลเรื่องราวส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป










