วันที่ 5 มิ.ย.65 เวลา 15:00 น บริเวณ กองขยะ ภายในป่ารกร้างซอย 10/8 หทัยราษฎร์ 39 ย่านคลองสามวา ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยตำรวจทางหลวง ได้เข้ามาตรวจสอบยาบ้า จำนวน 6 กระสอบ หรือประมาณ 2 ล้าน 4 แสนเม็ด ที่ถูกคนร้ายในคราบกู้ชีพนำมาทิ้งไว้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนขับรถหลบหนี
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาหลังตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดสระบุรี สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลไม่ต่ำกว่า 2 คนใช้รถกู้ชีพ ขนยาบ้า มาจากพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่งรถกู้ชีพ ต้องสงสัยคันหนึ้งวิ่งเข้ามาถึงบริเวณ ตำบล ห้วยบง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี จึงขอทำการตรวจค้น แต่คนร้ายชักอาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ตำรวจทางหลวง กองกำกับการ 1 จังหวัดสระบุรี ซึ่งตั้งด่านตรวจอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงเข้าสนับสนุน แต่คนร้ายขับรถหลบหนีมุ่งหน้าเส้น เวังน้อย อยุธยา และวิ่งต่อเนื่อง คลองสามวา กทม. แต่คนร้ายใช้รถกู้ชีพ และเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินตลอดทางจึงสามารถขับผ่านได้อย่าง สะดวก ส่วนตำรวจเป็นตำรวจต่างภูธรไม่ชินเส้นทาง ประกอบกับบนท้องถนนมีการจราจรคับคั่งเจ้าหน้าที่ไม่กล้าลงมือสกัดจับ หวั่นลูกหลงอาจต่อประชาชนได้
หลังทิ้งยาหลงป่ารกร้้าง คนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปในซอย ราษฎร์อุทิศ 44/0 ก่อนทิ้งรถหลบหนีไป
พลตำรวจตรีชญานนท์ มีสติ ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่าตำรวจได้เฝ้าติดตามผลร้ายรายนี้มานานพอสมควร จนทราบข้อมูลแน่ชัดว่าคนร้าย ซึ่งมีอาชีพเป็นกู้ภัยสองผัวเมีย จะขนยาเสพติดจากพื้นที่จังหวัดเลย เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯเพื่อส่งยาดังกล่าวลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกต่อ
ตำรวจสืบสวนภูธร สระบุรี จึงสะกดรอยทั้ง 2 คน จากจังหวัดเลยขับตามมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงพื้นที่ห้วยบง อำเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสระบุรี ตำรวจจึง แสดงตัวขอตรวจผลแต่คนร้ายไหวตัวเปิด สัญญาณไฟขอทางจากประชาชนหลบหนี โดยตลอดเส้นทางคนร้ายได้ใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเข้าสู่พื้นที่ซอยหทัยราษฎร์ 39
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่ายาบ้าที่ถูกทิ้งบริเวณ ไปหทัยราษฎร์พื้นที่ป่ารกร้างภายในซอยหทัยราษฎร์มีจำนวนทั้งสิ้น 2,400,000 เม็ด และจาก ข้อมูลของตำรวจพบว่าคนร้ายรายนี้ใช้รถกู้ชีพในการขนยามาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสระบุรียังกล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าทางคนร้ายเปิดฉากยิงต่อสู้กับตำรวจมาตลอดเส้นทางนั้นไม่เป็นความจริง เพียงแต่คนร้ายได้ใช้สัญญาณไฟฉุก เฉินเพื่อนหลบหนี ขณะที่รถตำรวจไม่สามารถ ขับตามได้ นอกจากนี้ตำรวจยังสามารถสกัดจากรถสเก๊าหน้าได้ผู้ต้องหาอีก 2 คนซึ่งขณะนี้ควบคุมตัวไปสอบปากคำแล้วที่สืบภูธรจังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวเจ้าของรถคือบิดาของผู้ก่อเหตุ แต่คนขับรถคือลูกชาย และลูกสะใภ้ ซึ่งเป็นอาสากู้ชีพอยู่มูลนิธิหนึ่ง
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าของบ้านที่อยู่ภายในซอยดังกล่าวให้ข้อมูลว่า มีคนในบ้านเห็นรถตู้คันดังกล่าวขับเข้ามาภายใน ก่อนที่จะจอดรถและมีรถอีกคันหนึ่งมารับคนขับและผู้โดยสารไป ซึ่งขณะนี้ได้ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนสอบสวนไปแล้ว ทั้งนี้ภายในซอยดังกล่าวเป็นซอยตันและเป็นซอยที่ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ทราบว่าเป็นซอยตันและจะขับรถหลงเข้ามาภายในซอยบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาไม่เคยมีการลักลอบเข้ามาขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายเนื่องจากตนเองจะคอยเฝ้าดูผู้คนที่เข้ามาในซอยตลอดเวลา