หนุ่มคลั่งขโมยแท็กซี่ จอดกลางสะพานพระราม 3 ขอดื่มโค้กก่อนทิ้งตัวลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนท.เข้าช่วยทันพ้นเงื้อมือมัจจุราช
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 18 พ.ค. พ.ต.ต.เอนก เต๊ะสมัน สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์รถแท็กซี่ บนถนนพระราม 3 ปากซอย 60 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และสายตรวจ สน.บางโพงพาง ที่เกิดเหตุอยู่บนบาทวิถีริมถนนพบ นายวิรัตน์ จันทร์ผือโป้ด อายุ 62 ปี เจ้าของรถแท็กซี่ส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฎ 1594 กรุงเทพมหานคร ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยการตระหนก
จากการสอบสวน นายวิรัตน์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนำรถออกไปรับส่งผู้โดยสาร และกำลังจะเข้าบ้านพักผ่อน เมื่อขับผ่านมาถึงถนนพระราม 3 ปากซอย 60 ตนได้เกิดปวดปัสสาวะจึงจอดเข้าข้างทางแวะทำธุระส่วนตัวในพงหญ้า โดยขณะนั้นลืมดับเครื่องเอาไว้ เมื่อตนปัสสาวะแล้วเสร็จ กำลังเดินกลับไปที่รถ พบชายนิรนามอายุประมาณ 35-40 ปี ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว ไม่ใส่รองเท้า มีอาการคล้ายคนคุ้มคลั่ง เหมือนคนเมายาเสพติด วิ่งมาที่รถตน ก่อนเปิดประตู ขับรถออกไปต่อหน้าต่อตา
ต่อมา พ.ต.ต.เอนก ได้ทำการแจ้งวิทยุสื่อสาร ขอกำลังเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักข้างเคียง เพื่อสกัดจับชายคนดังกล่าว อีก 10 นาทีต่อมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม ให้ข้อมูลว่าพบชายคนดังกล่าวไปจอดรถอยู่กลางสะพานพระราม 3 ฝั่งมุ่งหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ท่าพระ แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. โดยชายดังกล่าวยืนอยู่บนขอบปูนกลางสะพาน และมีอาการลุกลี้ลุกลนเดินไปมาอยู่ระหว่างหลังคารถและขอบปูนกลางสะพาน ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอสนับสนุน เรือตรวจการณ์ ของตำรวจสน.บางคอแหลม และกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยให้รุดมายังที่เกิดเหตุ เพื่อล้อมเชือกกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง และเฝ้าระวังผู้ก่อเหตุกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชายคนดังกล่าวไม่เป็นผล เบื้องต้น ผู้คุ้มคลั่งได้พยายามขอน้ำอัดลมยี่ห้อโค้กตลอดเวลา และมีอาการเร่งเร้า โดยข่มขู่จะกระโดดลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่เป็นระยะๆ ทางอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญู จึงได้จัดกำลังไปซื้อน้ำอัดลมยี่ห้อโค้ก มาให้ตามที่เจ้าตัวร้องขอ จากนั้นเมื่อสิ่งที่ต้องการมาถึงเจ้าหน้าที่ได้วางขวดน้ำอัดลมเอาไว้บริเวณหลังรถแท็กซี่ เมื่อชายคนดังกล่าวเดินมาหยิบดื่มได้เพียง 2 อึก ก็ตัดสินใจทิ้งตัวจากขอบปูนกลางสะพานลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในทันที ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของไทยมุงและพลเมืองดี ที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก
ในทันทีที่ร่างชายคนดังกล่าวกระแทกสู่ผิวน้ำ เรือตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม ก็ได้มุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือ นำขึ้นบนเรือในทันที ก่อนที่จะพาชายคุ้มคลั่งขึ้นฝั่ง บริเวณใต้สะพานกรุงเทพ ฝั่ง สน.วัดพระยาไกร ส่งต่อให้รถพยาบาลนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ ทำการตรวจร่างกาย และอายัดตัวไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.ต.เอนก เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุลของชายคลุ้มคลั่งที่ก่อเหตุ เบื้องต้นพบข้อมูลว่าก่อนลงมือชิงรถแท็กซี่ เจ้าตัวได้ บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายเด็กรับรถของร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ ริมถนนพระราม 3 ใกล้ซอย 60 แล้วถูกคนในร้านช่วยกันขับไล่ออกมา เนื่องจากไปก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย จากนั้นเมื่อขับรถแท็กซี่ที่ได้จากการชิงทรัพย์ขึ้นไปบนสะพานพระราม 3 แล้ว ก็ขอดื่มน้ำอัดลมก่อนกระโดดลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เบื้องต้นพบว่ารถแท็กซี่ของกลางมีร่องรอยการเฉี่ยวชนรอบคัน กระจกหน้าแตก จึงประสานให้แพทย์ดำเนินการ ตรวจร่างกายหาสารเสพติดและอายัดตัวเอาไว้ ก่อนเดินทางไปสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้หากมีผู้เสียหายรายใดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้เดินทางเข้ามาแจ้งความได้ที่ สน.บางโพงพาง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 19 พ.ค. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางโพงพาง ทราบชื่อผู้ก่อเหตุรายนี้แล้วมีชื่อว่า นายปาน กรวิรัตน์ อายุ 39 ปี เบื้องต้นเจ้าตัวไม่ได้มีอาการบาดเจ็บใดๆ แต่ยังอยู่ในอาการคุ้มคลั่ง พูดจาไม่ได้ศัพท์ จึงอายัดตัวไว้ที่ รพ. ตำรวจ เพื่อรอดำเนินการแจ้งข้อหา ตามความผิดหลายกระทง
จากการสอบสวน น.ส.สุพรรษา พงษ์สม อายุ 41 ปี เจ้าของร้านบุหลันดั้นเมฆ ซึ่งเดินทางมาที่โรงพักบางโพงพางให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเด็กรับรถร้านตนชื่อ นายนพดล หรือวิว พิมพ์ดี อายุ 30 ปี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ลานจอดรถ จู่ๆ นายปาน ผู้ก่อเหตุ ซึ่งทราบว่าก่อนหน้านั้นนั่งดื่มเบียร์ อยู่ที่ร้านลาบไม่ไกลกัน ได้เดิน ถือขวดเบียร์โซซัดโซเซ พยายามจะเข้ามาในร้านอาหารของตน ทาง นายนพดล เห็นถ้าไม่ดี จึงเข้าไปขัดขวางไม่อนุญาตให้เดินเข้าไป ภายในร้าน แต่ในป่ากลับใช้ขวดเบียร์ที่ถือมาด้วย ฟาดใส่หัว นายนพดล จนศีรษะแตก จากนั้นนายปาน ก็วิ่งออกจากร้านไปชิงทรัพย์รถแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างถนน ทาง นายนพพล ก็วิ่งตามไปเกาะที่บริเวณท้ายรถ กระทั่งระหว่างทางรถแท็กซี่ได้เฉี่ยวชน ทำให้นายนพดล ตกจากรถ เบื้องต้นถูกพลเมืองดีนำส่ง รพ.เลิดสิน ทั้งนี้ยืนยัน ไม่เคยเห็นหรือรู้จัก นายปาน ผู้ก่อเหตุมาก่อน เชื่อว่า ไม่เคยมาใช้บริการที่ร้าน และที่สำคัญไม่ได้เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครในร้านมาก่อน