ปราจีนบุรี จัดพิธีสู่ขวัญควาย เพื่อตอบแทนบุญคุณความดี หลังจากเสร็จสิ้นการทำนา พบเกษตร ราชการและภาคธุรกิจ นิยมเลี้ยงควาย เพื่อเพิ่มมูลค่า พบฟาร์มปราจีนฯมีพ่อพันธุ์ควายสุดยอดควายไทย คิดมูลค่าพันธุกรรมแพงถึง 60 ล้านบาท จำนวน 2 ตัว ทั้งควายเผือกและ ควายดำ
วันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานว่าที่วิทยาลัยเทคโนโลยีสายมิตรปราจีนบุรี ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี ได้มีการจัดกิจกรรมประเพณีสู่ขวัญควายไทยประจำปี 2565 เริ่มจากพิธีถวายภัตตาหารพระภิกษุ 9 รูป ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ควาย โดยกลุ่มอนุรักษ์ควายไทยตำบลกบินทร์, สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรีและกลุ่มอนุรักษ์ควายไทยตำบลกบินทร์
จากนั้นเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมงาน และพิธีเปิดงานประเพณีสู่ขวัญควายไทย ประจำปี 2565 โดยมีนายโอภาส ชาญ ประธานสภาเกษตรกร จ.ปราจีนบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน ต่อนายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ปราจีนบุรี เขต 3 ประธานในพิธี โดยมีประชาชนกว่า 100 คน นำควายกว่า 30 ตัว มาร่วมงานการสู่ขวัญควาย
นายสฤษฏิ์ กล่าวว่าประเพณีการสู่ขวัญควาย เป็นการเตือนสติ เตือนจิต เตือนใจ ให้คนมีความกตัญญูกตเวที รำลึกถึงบุญคุณของผู้ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ตนว่าได้รับผลประโยชน์อื่นก็มากระทำการหรือแสดงการตอบแทนบุญคุณ ที่ผู้อื่นได้กระทำแก่ตนอย่างเช่นควาย คนได้ใช้แรงงานในการไถ คราด พลิกแผ่นดิน อันเป็นของหนัก เพื่อหว่านเพาะปลูกข้าว ปลูกพืชผักในแผ่นดิน จนได้รับผลประโยชน์จากแรงงานของควาย คือได้ข้าวสำหรับบริโภคเลี้ยงชีวิต
ในขณะที่คนได้ไถคราด บางทีก็ดุด่า เฆี่ยนตีควาย ทั้งที่ซึ่งทำโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่กำลังมีแอก ต่างคออยู่ หนักแสนหนักเหนื่อยแสนเหนื่อย เมื่อคนระลึกบุญคุณของควาย ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณ ไม่มีส่วนที่ได้รับผลประโยชน์อันใด
ชาวนาจึงมีการหาวิธีที่จะตอบแทนคุณของควาย อโหสิกรรมต่อควาย โดยวิธีสู่ขวัญควาย และ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบสานประเพณีการสู่ขวัญควาย ให้คงอยู่สืบต่อไปมิให้สูญหาย
แม้ว่าควายในปัจจุบันไม่ได้ใช้แรงงานแล้ว แต่สามารถนำมาพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจ อาทิ นำมูลมาทำปุ๋ยคอกรวมกับดินเกษตร นำมาผลิตเนื้อเพื่อการบริโภคหรือเพิ่มมูลค่าได้ หรือการลดพลังงานนำไปสู่เศรษฐกิจแบบพอเพียงที่สามารถทำได้
ในพิธีสู่ขวัญควายมี นายสถาพร อรัญญะ เป็นหมอสู่ขวัญพื้นบ้าน อ.กบินทร์บุรี โดยก่อนสู่ขวัญมีของเช่นไหว้ หรือเครื่องสู่ขวัญที่ประกอบด้วย ดอกไม้ธูปเทียน น้ำขมิ้น ส้มป่อย ด้ายสายสิญจน์ นำมาเป็นของบูชาในการทำพิธีสู่ขวัญควาย เมื่อสู่ขวัญควายเสร็จแล้ว มีการเลี้ยงให้ควายกินฟาง หญ้าอ่อน เอาอกเอาใจ เอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาไปให้ควาย
คนไทยถือว่า ควายเป็นสัตว์ใหญ่และมีบุญคุณแก่ตน เพราะช่วยในการไถทำไร่นา เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจรวมทั้งขอขมาต่อควาย หลังจากที่ถูกใช้งาน ไถนา และถูกเฆี่ยนตี ตลอดจนการดุด่าต่างๆ ซึ่งบททำขวัญควาย จะสะท้อนความรู้สึกเมตตากรุณาต่อควาย ในคำสู่ขวัญควาย กล่าวถึงการเอาฟาง-หญ้าอ่อน หวานอร่อยมาให้ควายเคี้ยวกิน เป็นการให้รางวัลแก่ควาย
และพิธีผูกเขาควาย เพื่อเรียกขวัญควาย โดย สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรี และ กลุ่มอนุรักษ์ควายไทยตำบลกบินทร์ อันเป็น ความสำนึกผิด ที่เคยรุนแรงต่อควาย
นายพรหมพิริยะ (เอก) สอนศิริ อายุ 54 ปี อดีตนายกสมาคมควายไทย เจ้าของสอนสิริฟาร์มควายไทย หมู่2 ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ควายไทยปัจจุบันมีทิศทางขยายเพิ่มขึ้น มีการปรับปรุงพันธุ์ควายไทย เป็นผลตอบแทนให้เกษตรกร สมน้ำสมเนื้อ ดูแลปลดหนี้สิน เป็นอาชีพหลักในอนาคต ตนเองเลี้ยงควายระบบปิดในโรงเรือน แบบยืนโรง มีควายพันธุ์ไทยรวม 360 ตัว
สามารถนำมาพัฒนามูลค่าทางเศรษฐกิจหลากหลาย อาทิ นำมูลมาทำปุ๋ย หมักปุ๋ยคิก ทำดิน ปลูกต้นไม้ จำหน่าย ทำอาหารเลี้ยงไส้เดือน ขาย ผลิตน้ำเชื้อควาย ขายผลิตภัณฑ์พันธุกรรม ลูกควาย ตัวละ 200,000 – 1,000,000 บาท ส่วนแม่ควายหลังคลอดนำมารีดนม ผลิตนมควายจำหน่าย ในแต่ละวัน ทำโยเกิต นมสดควาย สบู่ ผลิตรกควาย นำมาทำแคปซูล เป็นต้น ซึ่งที่ฟาร์ม มีพ่อพันธุ์ควายไทย แบบควายดำ 1 ตัว แบบควายเฝือก 1 ตัว รวม 2 ตัว มูลค่าทางพันธุกรรมตัวละ 70 ล้านบาท
โดยพ่อพันธุ์ตัวแรก “แก้วฟ้า” ลักษณะเด่น คือ เป็นควายสีเผือก มีลำตัวใหญ่หนาสูง 168 ซม. น้ำหนัก 1,400 กก. และควายสีดำในเมืองไทยตอนนี้ไม่สามารถมีตัวไหนที่ใหญ่เท่าแก้วฟ้าได้ในส่วนของ “แก้วฟ้า” นั้น ที่มีอยู่ในฟาร์มตอนนี้ ถ้าเป็นตัวสีดำเริ่มราคาเริ่มต้นที่ 350,000 บาท ถ้าเป็นสีเผือกราคาเริ่มต้นที่ 450,000 บาทและลูกของ”แก้วฟ้า”ราคาสูงสุดที่เคยจำหน่ายได้คือ 1,500,000 บาท แต่ลูกของ”แก้วฟ้า”ตอนนี้ก็มีตัวที่ราคาสูงอยู่ แต่ทางฟาร์มยังไม่ขายจะเก็บไว้ประกวดเพื่อโชว์สายพันธุ์ของ”แก้วฟ้า”ต่อไป
ในส่วนของราคาน้องแก้วฟ้า วัดจากมูลค่าที่มีอยู่ในฟาร์มปัจจุบันนี้คือ ตั้งไว้ 2,000,000 เหรียญ ซึ่งทางราคานั้น ตั้งไว้คือทางฟาร์มมีแม่พันธุ์ 200 ตัว ผลิตลูกปีละ 1 ตัว ถ้าลูกเป็นตัวเมียเริ่มต้นราคา 300,000 บาท ถ้าเป็นตัวผู้ 200,000 บาท เฉลี่ยคือ 2,500,000 บาท เฉพาะลูกของแก้วฟ้า 1 ปีก็ 200 ตัว ก็คูณไป ก็จะได้ปริมาณการเงินเท่านี้ แต่ถ้ามีคนมาขอซื้อตนก็ยังไม่ขาย เพราะแก้วฟ้าเป็นควายตัวเดียวในประเทศไทยและในโลกที่มีพันธุกรรมที่โดดเด่นที่สุด
และพ่อพันธุ์หนุ่มสุดร้อนแรงตัวที่ 2 อย่าง “มณีแดง”ควายไทย อายุ 7 ปี ที่มีรูปร่างบึกบึน แถมยังกวาดรางวัลแกรนด์แชมป์ ตามรอยเจ้าแก้วฟ้าไปแบบติดๆ
โดยน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ควายทั้งคู่ ควายเผือก และ ควายดำ (มณีแดงและแก้วฟ้า) สามารถทำราคาได้มากถึงโดสละกว่า 1,000 บาท รวมๆ แล้วเป็นรายได้ให้กับ สอนศิริฟาร์ม ได้มากสูงถึงปีละหลายล้านบาท
แก้วฟ้าและมณีแดง คือความภาคภูมิใจของ สอนศิริฟาร์มควายไทย พร้อมเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกร หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจทุกกระบวนการเลี้ยง เพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่คาดหวัง และทำให้ควายไทยมีคุณภาพ สามารถส่งออกสู่ตลาดต่อไปได้ในอนาคต
นายชัดเจน บัวพรม อายุ 40 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว อยู่บ้านคลองทราย อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นคนใจรักสัตว์ เลี้ยงควายเอาไว้ใช้แรงงาน ใช้ตัดหญ้า เมื่อก่อนในสวนเราใช้เครื่องจักรตัดหญ้า ไม่มีเวลาหน้าฝน เดี๋ยวนี้ก็ใช้ในการตัดหญ้าโดยควายเป็นการถาวร ไม่ต้องใช้เครื่องจักร ใช้หญ้า มีควายจำนวน 25 ตัว เลี้ยงไปเรื่อยๆ
มานิตย์ สนับบุญ – รายงานจาก จ. ปราจีน