นนทบุรี คลิปตอนรื้อ เปิดใจเจ้าของร้านหลังถูกชายฉกรรจ์เกือบ20 คนรื้อร้านถึง3ครั้ง
จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งโพสภาพพร้อมระบุข้อความไว้ว่า “ได้มาเห็นถึงกับเขาทรุดอ่ะ! สมัยนี้ยังมีอีกหรอ? คนที่แม่งไม่สนกฎหมายบ้านเมืองเลย อยากทำอะไรก็ทำ ยังมีแบบสมัยกรณีบาร์เบียร์ที่ถูกรื้ออีกหรอวะ!! ที่คิดว่ารวยมีเงินจะรังแกใครยังไงก็ได้ใช่มั้ย ผมทำร้านอาหารอยู่ที่ปากเกร็ด ทำมาตรงนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว ร้านที่ตัวเองสร้างและตั้งใจทำมากับมือ จากแค่ร้านเล็กๆ จนค่อยๆเติบโตมาได้ แต่ต้องมาเห็นร้านตัวเองถูกรื้อ โดยมีบุคคล ได้นำกลุ่มคน ประมานเกือบ 20 คน มารื้อวันแรก ในวันที่ 27 เมษา ตั้งแต่ 8 โมงเช้า น้องผมนอนเฝ้าร้านอยู่คนเดียว น้องผมโดนทั้งด่า ทั้งขู่ ว่าห้ามถ่ายรูป ห้ามถ่ายคลิป ไม่งั้นจะโดนด้วย เค้าพาพวกมารื้อทั้งกำแพง หลังคา ระบบไฟ ข้าวของทรัพย์สินต่างๆ ได้รับความเสียดายเป็นจำนวนมาก และประกอบกับวันต่อมา วันที่ 28 เมษา พายุเข้าอีก ผมต้องมานั่งดูร้านตัวเองไม่มีหลังคา น้ำสาดเข้ามา เปียกฝนไปหมด ทั้งเครื่องเสียงเอย ทั้งโต๊ะเก้าอี้ ข้าวของลมพัดกระจัดกระจายไปหมด น้ำก็ท่วมร้าน ความรู้สึกเราแม่งโครตสุดๆ เหมือนมานั่งดูบ้านตัวเองถูกไฟไหม้ วันที่รื้ออะ ผมก็เข้ามาที่ร้านนะ พยายามห้ามปรามเค้าไม่ให้เค้ารื้อ พยายามแจ้งตำรวจ แต่เค้าก็ไม่สนใจ เค้าพาคนมาเยอะมาก ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง จะรื้อท่าเดียว เราได้โทรไปแจ้งตำรวจนะ ให้มาดูที่เกิดเหตุเพื่อมาระงับให้เค้าหยุดรื้อ แต่เค้าก็ไม่สนใจเลย ตำรวจมา เค้าก็ยังไม่หยุดรื้อ ผมก็ไปแจ้งความที่ สน.ในพื้นที่ ก็คิดว่าเค้าคงไม่กล้าทำอะไรอีก เพราะเราได้แจ้งความไว้แล้ว แต่วันที่ 4 พฤษภา เค้าก็นำกลุ่มคนจำนวน 10 กว่าคน เวลาตอนเที่ยงๆ มาใช้ค้อนทุบแม่กุญแจประตูร้าน!! และเข้ามาขนของๆผมในร้าน ออกมาไว้กลางแจ้ง ทั้งโต๊ะ ตู้เย็น ตู่แช่ เครื่องครัว ขนออกมาโดนฝนพังอีก!!! ผมก็โทรไปแจ้งความให้ตำรวจมาระงับเหตุ แต่พอมาก็เหมือนเดิม แจ้งไปกี่ครั้ง ก็ระงับเหตุไม่ได้ ได้แต่มองเค้ารื้อข้าวของออกมากองไว้ข้างนอก ตำรวจบอกว่า ให้ถ่ายรูปและคลิปไว้ และไปแจ้งความที่สน.(อีกแล้ว) ผมก็ไปแจ้งอีกเป็นครั้งที่สอง พอวันต่อมา ผมก็เลยจ้างช่างมาซ่อมหลังคา ซ่อมพอที่จะซ่อมได้ เพื่อให้ร้านพอได้เปิดต่อไปก่อนได้ แต่เปิดมาได้แค่ 6 วัน วันที่ 11 พฤษภา ก็มีกลุ่มคนมาอีก คราวนี้มาเยอะเลย เกือบ 20 คน มาตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาสร้างกำแพงสูงปิดหน้าร้านผม มากั้นรั้วไม่ให้พนักงานของผมเข้าออก มารื้อป้ายร้าน ทั้งบนหลังคา บนกำแพง บนเสาสูงหน้าโครงการเสียหายหมด พังหมด!! และย้ายของมากองไว้หน้าร้านเหมือนเดิม ผมก็โทรแจ้ง ตำรวจพื้นที่ ตำรวจมาถึง (ก็แบบเดิมเลย) ผมเลยไปแจ้งความที่ สน.เป็นครั้งที่ 3 ตอนนี้ผมไม่ไหวละครับ ขอความเป็นธรรม เค้ามาทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ คนที่มาสั่งรื้อ คือคนที่ผมเช่าที่อยู่ และคนที่ผมเช่าอยู่ ก็ไม่ใช่เจ้าของที่จริงๆ เค้าได้เช่าจากเจ้าของที่จริงๆมาอีกที และมาบอกผมกับตำรวจว่า ผมไม่ยอมจ่ายค่าเช่า เค้าเลยมีสิทธิมารื้อ มายกทรัพย์สิน ทั้งที่ผมแม่งก็ยังมีสัญญาเช่าอยู่เลย !! ผมอะเช่าร้านมาจะ 5 ปีละ ปีที่ผ่านๆมา ผมจ่ายเงินค่าเช่าทุกเดือนปรกติไม่เคยขาด แต่มาช่วงปีหลังๆ ที่เจอโควิดหนักๆ ผมก็ต้องปิดร้าน ทางรัฐสั่งห้ามไม่ให้เปิด ผมก็หันมาขายข้าวผัดปูเลี้ยงลูกน้อง และก็ได้มีการคุยค่าเช่าว่าจะผ่อนจ่าย และประจวบกับผมก็มาได้รู้ความจริงทีหลังกับเจ้าของที่จริงๆว่า คนที่เช่ากับเค้า ไม่ได้เอาเงินไปจ่ายเค้าเลย จ่ายอยู่ไม่กี่เดือน แล้วเป็นปีแล้วด้วย ทั้งยังโดนเจ้าของที่จริงๆ บอกยกเลิกสัญญาไปแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 63 และโดนฟ้องขับไล่อีกด้วย รวมทั้งสัญญาก็ระบุห้ามนำไปให้ใครเช่าช่วงอีก เเละยังมียอดบิลค้างชำระ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ จากการไฟฟ้า มาติดทุกเดือน ติดหม้อละ 2-3 แสนบาท เราก็เลยได้คุยกับเจ้าของที่จริงๆ เจ้าของที่ก็ได้เล่าถึงปัญหาต่างๆ ผมจึงเลือกที่จะระงับการจ่ายค่าเช่าไว้ จริงๆรายระเอียดตรงนี้มันค่อนข้างเยอะ และก็เป็นเรื่องของศาล ก็ว่ากันไปตามเรื่องของศาล แต่ถึงยังไง เค้าก็ไม่มีสิทธิมากระทำกับผมแบบนี้รึป่าววะ!! มาทั้งรื้อ ทั้งขู่พนักงานของผมหลายคนเลยที่โดน นี่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรอีก ต้องมานั่งระเเวง ต้องหาคนมาเฝ้าร้านทุกวัน เพราะกลัว ไม่รู้ว่า เค้าจะเอาพวกมาอีกเมื่อไหร่ น้องๆร้านผมนี่ เจอเหตุการณ์แบบนี้ มา 3 อาทิตย์แล้ว ก็ประสาทเสีย ขวัญเสียกันไปหมด งานก็ต้องหยุด ขาดรายได้ให้ครอบครัวอีก พอมันเป็นแบบนี้ ตอนนี้ผมเลยจำเป็นต้องปิดร้านไว้ก่อน และผมก็ต้องสู้ออกสื่อแล้วครับ เพราะมันเกินไปแล้วจริงๆ อยู่กับเพื่อนบ้าง,NonStop ”
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.30น. วันที่ 13 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณร้านอยู่กับเพื่อนบ้าง , NonStop ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนายภูภณ ไม้มงคล อายุ34ปี เจ้าของร้านอยู่กับเพื่อนบ้างและหุ้นส่วนร้านNonStop ถูกผู้เช่าคนกลางเข้ามารื้อร้านทั้งสองร้าน จำนวน 3 ครั้ง ใันวันที่ 27 เม.ย.65 เข้ามาเก็บกวาดของ และข่มขู่พนักงานในร้าน ถัดมาวันที่ 4พ.ค.65 คู่กรณีเข้ามาเอาเก้าอี้โต๊ะตู่แช่ของร้านNonStop ออกมาวางไว้ข้างนอก ฝนตกเปียกพังเสียหาย ถัดมาวันที่ 11 พ.ค.65 คู่กรณีเข้ามาที่ร้านอยู่กับเพื่อนบ้าง เข้ามาตีแผ่นสังกะสีมากั้นข้างร้าน และเอาแผ่นกันเสียงมาปิดรอบๆล พร้อมติดป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาติ และเอาโครงเหล็กเข้ามากั้น
จากการสอบถามนายกิติพันธุ์ เหล่าภักดี พนักงานร้านทำงานมา 2 ปี อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า วันที่ 27 เม.ย.65 ทางคู่กรณีเข้ามาพร้อมพวกประมาณเกือบ 20 คน เข้ามาโวยวายและไม่ให้ตนเข้าไปยุ่ง ถ้าไม่ออกไปตรงนี้จะแจ้งความตนและใส่ชื่อตนลงไปในส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าของร้านจึงให้ตนดูสถานการณ์ก่อนและถ่ายคลิปไว้ ซึ่งเขาบอกว่าจะเอาพื้นที่ของเขาคืน เข้ามาทุบกำแพง หลังจากนั้นวันที่ 4พ.ค.65 เข้ามารื้อโต้ะเก้าอี้ที่ร้าน ตู้แช่ เอาออกมากองไว้โดนฝนเสียหาย เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก็ช่วยไม่ได้ ทางคู่กรณีข่มขู่ตนว่าจะตบปาก ซึ่งคู่กรณีเป็นผู้หญิง ครั้งสุดท้ายที่เข้ามาวันที่ 11 พ.ค.65 เข้ามารื้อร้านอยู่กับเพื่อนบ้างเอาป้ายลง และติดป้ายคนนอกห้ามเข้า ซึ่งตนก็รู้สึกกลัว แต่ก็ยังดีใจที่เจ้าของร้านยังอยู่ด้วยไม่ทิ้งไปไหน
จากการสอบถามนายภูภณ ไม้มงคล อายุ34ปี เจ้าของร้านอยู่กับเพื่อนบ้างและหุ้นส่วนNonstop เล่าว่า ตนมาเช่าร้านนี้ปีที่ 5 แล้ว ตนเช่าผ่านคู่กรณี แต่คู่กรณีก็เช่าเจ้าของโฉนดมาอีกทีเขาได้เอาคนเป็นผู้ชายเข้าทารื้อทรัพย์สินและข้าวของเสียหายหมดและอ้างว่าตนไม่จ่ายค่าเช่าในส่วนที่เหลือ เพราะตนรู้ความจริงว่าเจ้าของที่ตัวจริงติดต่อตนมาว่าไม่ให้เช่าช่วง ตนไม่ทราบ ผู้เช่าคนกลางหรือคู่กรณีเข้ามาหาตนบอกว่าตนไม่จ่ายค่าเช่า แต่เขาก็เข้ามาอีกรอบเข้ามาตัดกุญแจและเข้ามารื้อของ ตนจึงแจ้งความเป็นครั้งที่ 2 ตำรวจไม่สามารถระงับเหตุได้ ตนจึงปิดร้านไป6วัน หลังจากนั้นเขาเข้ามาอีกครั้งกั้นกำแพงรื้อป้ายออกแบะเอาเอกสารมาว่ามีสิทธิรื้อตรงนี้ เจ้าของที่ตัวจริงจึงเข้าไปแจ้งความเพราะสัญญาที่เขาอ้างได้หมดไปแล้วตั้งแต่ปี 63 แต่เขาไม่ยอมออกจากพื้นที่และอ้างว่าเราไม่จ่ายค่าเช่า ซึ่งตนได้มีการคุยแล้วเพราะเป็นช่วงโควิดจะหยุดจ่ายค่าเช่า แต่ตนได้มารู้ความจริงก่อนเพราะเจ้าขอวที่ตัวจริงโทรมาว่ามีบินค่าน้ำค่าไฟค้างอยู่ เจ้าของร้านตัวจริงจึงเข้ามาคุยกับตน ตนตึงระงับการจ่ายให้คนกลาง และมารื้อร้านตนทำให้ตนเสียหายเป็นหลักล้าน รวมทั้งร้านทั้งค่าหยุดขาย ซึ่งลูกน้องที่ร้านตนก็ถูกขู่ตนจึงตัดสินใจโพสต์ลงไปในเฟสบุ๊ค ตนจึงแจ้งความไว้ครั้งที่ 3 แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งทางเจ้าของร้านตัวจริงก็เข้าไปแจ้งความพร้อมตนเช่นกันเรื่องสัญญาและตนกำลังจ้างทนายเพื่อดำเนินคดีต่อ ซึ่งตนหยุดร้านหลายวันทำให้รายได้หายและค่าแรงน้องๆไม่มี ประเมิณแล้วมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งตนก็ไม่เคยมีปัญหากับเขามาก่อน ตนจึงอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดคดีให้ตนเพราะไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนแล้ว จึงต้องพึ่งสื่อ