ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โค่นขบวนการรับจ้างปลอมสเตทเม้นและหนังสือรับรองเงินเดือน
ขอสินเชื่อธนาคารและทำวีซ่า พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ
อาชญากรรมทางเทคโนโลยีภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ผกก.3 บก.ปอท.,พ.ต.ท.กมล ทวีศรี รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.3 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม
1.นายศตวรรษฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2754/2565
ลงวันที่ 6 ธ.ค.2565
2.นางสาววรรณวิสาฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2755/2565
ลงวันที่ 6 ธ.ค.2565
สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
3.นายพลวัฒน์ฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2756/2565
ลงวันที่ 6 ธ.ค.2565 สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
4.นางสาวรัตนาภรณ์ฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2757/2565
ลงวันที่ 6 ธ.ค.2565
จับกุม ร้านขายของชำ ในพื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. คอมพิวเตอร์แบบพกพา จำนวน 1 เครื่อง
2. คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง
3. อุปกรณ์แท็บเล็ต ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอแพด จำนวน 2 เครื่อง
4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน จำนวน 2 เครื่อง
5.สมุดบัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสด จำนวน 16 อัน
6.รถจักรยานยนต์สำหรับใช้กดเงิน 1 คัน
สืบเนื่องมาจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากฝ่ายกฎหมาย
ธนาคารไทยพาณิชย์ว่ามีกลุ่มบุคคลนำรายงานเดินบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ปลอมไปยื่นกู้กับสถาบันการเงิน
อื่นๆและยื่นขอหนังสือเดินทางกับสถานทูตต่างๆ เพื่อไปทำงานหรือศึกษาต่อต่างประเทศ โดยได้ว่าจ้างทำรายการเดินบัญชีปลอมจากเว็บไซต์ www.monneyaporvedmany.com และมีการติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อบัญชี@loansimple
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนรายละเอียดจากเว็บไซต์ดังกล่าว จนสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีการเปิดเว็บไซต์รับจ้างทำเอกสารปลอมเพิ่มเติมอีก 2 เว็บไซต์เมื่อทำการสืบสวนเพิ่มเติมจึงพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรมทั้งหมด จึงได้สืบสวนอย่างละเอียดจนทราบว่านายศตวรรษฯ และนางสาววรรณวิสาฯ (ภรรยาของศตวรรษฯ) ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่แท้จริง จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายจับและหมายค้น เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้เข้าตรวจค้นบริเวณบ้านพักในพื้นที่ ม.2
ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบนายศตวรรษฯ และ น.ส.วรรณวิสาฯ ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง
หลายรายการ จึงได้ทำการจับกุมและตรวจยึดของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังจับกุมกลุ่ม
ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับนายศตวรรษฯ และ น.ส.วรรณวิสาฯ อีกด้วย จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากการตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดในคดีนี้พบพยานหลักฐานเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่รับทำสเตทเม้น
ปลอมและมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาจริง ประกอบกับจากการสืบสวนโดยละเอียด จึงทราบว่าในห้วงเวลา 1 ปี ก่อนทำการเข้าจับกุม พบมีผู้ว่าจ้างทำสเตทเม้นปลอมจากกลุ่มผู้ต้องหา กว่า 1,000 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆ ที่ปล่อยกู้ให้กับกลุ่มคนที่ว่าจ้างทำสเตทเม้นปลอม ได้รับเสียหายกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทย รวมถึงประชาชนคนไทยรายอื่นๆ ที่ประสงค์ยื่นเอกสารขอทำวีซ่าจากสถานทูตประเทศต่างๆ เนื่องจากมีการใช้เอกสารปลอมสำหรับยื่นขอไปทำงานหรือศึกษาต่อต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถามนายศตวรรษฯ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่รับทำสเตทเม้นธนาคารปลอม
ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นไลน์ทั้งหมดจริง โดยก่อนหน้านี้นายศตวรรษฯ เคยรับจ้างทำสเตทเม้นธนาคารปลอมร่วมกับผู้ต้องหาในคดีอื่น และเห็นว่ามีรายได้สูง (ซึ่งนายศตวรรษฯ คิดค่าดำเนินการปลอมสเตทเม้นตั้งแต่ 6,000 บาท เรื่อยไปจนถึง 50,000 บาท ต่อครั้ง) ประกอบกับมีความชอบในด้านคอมพิวเตอร์ จึงเห็นช่องทางและตัดสินใจมาก่อเหตุในครั้งนี้










