กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนง, พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ และ พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี
รอง ผกก.กก.1 บก.ป
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.อดิศร อายุโย, ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ จำปาสาร, ร.ต.ท.เอกลักษณ์ รุ่งเรือง รอง สว.(ป)
กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายโชคพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.462/2565 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2565 และ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 584/2565 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตน
เป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน
หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
จับกุม บริเวณภายในซอยลาดพร้าว 130 แยก 4 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2564 นายโชคพิพัฒน์ฯ ได้รับการติดต่อจ้างวานจากนายทุนชาวจีนให้หาบัญชีม้า โดยนายทุนชาวจีนได้โอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเปิดบัญชีและค่าจ้างเปิดบัญชีธนาคาร เป็นเงินทั้งสิ้น 130,000 บาท จากนั้นนายโชคพิพัฒน์ฯ ได้ไปชักชวนจ้างวานกลุ่มเพื่อน
และคนรู้จักอีกหลายคนเพื่อให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยจะให้ค่าจ้างในการเปิดบัญชีละ 1,500-2,000 บาท
โดยนายโชคพิพัฒน์ฯ จะเป็นคนรวบรวมบัญชีธนาคารแล้วนำไปให้กับนายทุนชาวจีนอีกทอดหนึ่ง และนายทุนชาวจีนก็จะนำบัญชีม้าดังกล่าวไปใช้ก่ออาชญากรรมในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ เช่น การหลอกลวงซื้อขายของออนไลน์, การหลอกลงทุนแชร์ออนไลน์ แชร์ลูกโซ่, การหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam), การหลอกรักร่วมลงทุน (Hybrid Scam) รวมไปถึงการพนันออนไลน์ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อและได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ต่อมามีผู้เสียหายหลายร้อยรายที่ได้ตกเป็นเหยื่อและได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ความดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีธนาคาร และสามารถจับกุมมาดำเนินคดีได้นับร้อยราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลไปยังเส้นทางการเงินและกลุ่มนายทุน จนทราบว่านายโชคพิพัฒน์ฯ เป็นผู้ติดต่อชักชวนและจ้างวานให้มีการเปิดบัญชีม้า โดยมีกลุ่มนายทุนชาวจีนเป็นนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับตัวนายโชคพิพัฒน์ฯ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายโชคพิพัฒน์ฯ ได้หลบหนีคดีและมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยลาดพร้าว 130 แยก 4 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกตรวจสอบจนพบนายโชคพิพัฒน์ฯ จึงได้แสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับให้นายโชคพิพัฒน์ฯ ทราบ และควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนกลุ่มนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ
จะได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายโชคพิพัฒน์ฯ ให้การภาคเสธ ว่าไม่ได้อยู่ในขบวนการ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่เคยได้รับเงินจากกลุ่มนายทุนชาวจีนแต่อย่างใด แต่เมื่อกลางปี พ.ศ.2564 ได้มีชายชาวจีนที่รู้จักกัน แต่ไม่ทราบชื่อจริง ได้มาติดต่อให้นายโชคพิพัฒน์ฯ ช่วยหาบัญชีธนาคารมาให้
โดยชายชาวจีนได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายโชคพิพัฒน์ฯหลายแสนบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรวบรวม
และค่าจ้างเปิดบัญชีม้า
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ที่มีพฤติกรรมรับจ้าง
เปิดบัญชีหรือขายบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่น ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวและรีบไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อหยุดวงจรการฉ้อโกงออนไลน์และความผิดอื่นที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน และหากพบว่าบัญชีธนาคารดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดและท่านรู้ถึงพฤติกรรมดังกล่าวแต่ยังยินยอมให้มิจฉาชีพนำบัญชีของท่านไปใช้ในการกระทำความผิด ท่านอาจถูกดำเนินคดี ดังนี้
1. ในฐานะตัวการร่วมในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2. ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วน ของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
3. ความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
หากพี่น้องประชาชนพบเห็นคนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์รับจ้างเปิดบัญชี หรือขายบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่น สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง