ลูก-หลานคนตายร้อง ปอท.ตรวจสอบสื่อฯ เอาคลิปวงจรปิดแม่ถูกพ่อเลี้ยงยิงไปเสนอข่าวเท็จ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 พ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม. น.ส.สุพรรณษา ศรีโพธิ์ อายุ 35 ปี (บุตรสาว)และ น.ส.เมริษา รอดเจริญ อายุ 34 ปี (หลานสาว) ของ น.ส.ณัชเบญญา แก้วกำเหนิด (ผู้เสียชีวิต) เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. ร้องขอให้ บก.ปอท.ตรวจสอบการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ยิงกันที่ บริเวณหน้าร้านอาหาร หน้าปากซอยเพชรหึงษ์ 31 ถนนเพชรหึงษ์ หมู่ 10 ต.บางยอ อ.พระประแคง จ.สมุทรปราการ โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ น.ส.ณัชเบญญา แก้วกำเหนิด อายุ 53 ปี และ นายพนา บุญมั่น อายุ 56 ปี
ต่อมาได้มีสำนักข่าว 3 สำนัก นำเสนอข่าวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไปในลักษณะให้ร้ายผู้ตาย มีผู้เข้าชมทั้งทางเว็บไซต์และทาง Youtube รวมกันประมาณ 200,000 ครั้ง
ซึ่งสำนักข่าวดังกล่าวรายงาน
ในทำนองเป็นมูลเหตุเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว
ซึ่งตนเชื่อว่ามิใช่เป็นสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากแม่ของตนมีอาการป่วยเป็นโรคประจำตัวจำนวนหลายโรค ทั้งเบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,มะเร็งปากมดลูกจนกระทั่งได้ตัดมดลูกออกแล้ว,มะเร็งเต้านม ซึ่งต่อมาได้มีการตัดเต้านมทิ้ง และก่อนเสียชีวิตได้มีอาการป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดอีก
ซึ่งจากโรคต่างๆ ที่รุมเร้าคุณแม่ของตนจนเดินแทบจะไม่ไหว ทำให้ตนเชื่อว่าไม่น่าจะสนใจเรื่องชู้สาวอีกแล้ว
ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุอาจเกิดจากความเครียดเรื่อง
หนี้สิน และการค้าขายที่มีรายได้น้อยลง มากกว่าประเด็นที่สื่อนำไปเสนอข่าว นอกจากนั้นยังปรากฎว่ามีการนำภาพจากวงจรปิดออกไปเสนอประกอบข่าว ซึ่งตนเป็นทายาทผู้ตายไม่เคยอนุญาต ให้สำนักข่าวใดนำคลิปขณะเกิดเหตุไปเผยแพร่แต่อย่างใด เมื่อติดต่อไปยังสำนักข่าวทั้งสามแห่งก็ไม่สนใจที่จะติดต่อกลับมาสอบถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ตนจึงมาขอให้ บก.ปอท.ตรวจสอบการนำคลิปวงจรปิดดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้พาผู้เสียหายไปยื่นหนังสือที่สำนักงานผู้บังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ชั้น 6 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
น.ส.สุพรรณษา และ น.ส.เมริษา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตนมีหลักฐานการรักษาพยาบาล ใบรังรองแพทย์ อาการเจ็บป่วย การดูแลรักษาตัวของคุณแม่ที่โรงพยาบาลตลอดมาก่อนจะขอตัวทางโรงพยาบาลกลับมาอยู่กับญาติพี่น้องเพื่อใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายของท่านกับครอบครัว ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะนอกใจสามีได้เลย
เมื่อสื่อฯ เอาไปพาดหัวข่าวในทางเสียหาย เช่น “ผัวหึงโหด ระแวงเมียมีชู้”ทำให้ตามมาด้วยการแสดงความคิดเห็น คอมเม้นต์ในทางเสียหายให้ร้ายผู้เสียชีวิตอีก เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว กลับได้รับการซ้ำเติมให้ร้าย เช่น มีชู้ สมควรแก่การเสียชีวิตบ้าง , ทำไมไม่เช็คให้ดีก่อนตอนที่ยิงให้ชัวร์ว่าเสียชีวิต เพราะข่าวตอนแรกออกไปว่าไม่เสียชีวิต , บางคนมาสาปแช่งให้เสียชีวิตเพราะผู้หญิงมีชู้
ตนอยากให้นักข่าวระวังในเรื่องการพาดหัวข่าวชี้นำสังคมให้สับสนจนพาไปสู่การแสดงความคิดเห็นผิดๆ ตรวจสอบข้อเท็จจริง รายละเอียดให้ดีก่อนที่จะนำไปเสนอข่าวต่อสาธารณชน โดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดที่เป็นญาติสนิทผู้เสียชีวิตเพื่อกลั่นกรองก่อนที่ข่าวจะไปในสังคมในทางที่ผิดและสร้างความเข้าใจผิดออกมาในสังคม
ตนพยายามติดต่อไปยังสำนักข่าวทั้ง 3 แห่งแล้ว อินบล็อคไปในเพจของสำนักข่าวก็ติดต่อไม่ได้ ไม่ติดต่อกลับ จึงต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตตามช่องทางกฎหมาย อยากจะให้สำนักข่าวรับผิดชอบนำคลิปวงจรปิดที่ไม่ได้รับอนุญาตไปเผยแพร่ประกอบข่าวออกจากสารบบฯ ด้วย หลังจากนี้จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่นำคลิปไปเผยแพร่ต่อที่ สภ.พระประแดง ด้วย