หลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ คนตาบอดเดินเก็บขยะขายเลี้ยงชีพ
นอภ.-อบต.-ผู้นำท้องถิ่น อสม.ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือ เตรียมทำบัตรสวัสดิการคนพิการ ช่วยเหลือรวมถึงดูแลบ้านที่อยู่ให้มั่นคงและนำไปลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ความคืบหน้า อดีตสาวประเภทสองที่โลดแล่นอยู่ในเมืองหลวง เหมือนเด็กหนุ่มสาวทั่วไป แต่ความสนุกที่ได้กลับมาเป็นความทุกข์ถนัด ที่ทำร้ายตัวเอง เขาป่วยติดเชื้อเลือดบวก ต้องหอบความปวดร้าวกลับบ้านหวังพึ่งญาติพี่น้อง แต่เหมือนถูกซ้ำเติม ญาติเมินหน้าเพราะรังเกียจ ซ้ำป่วยหนักเส้นยึด เดินไม่สะดวกจนสุดท้ายเชื้อลามขึ้นสมอง ตาบอดสนิทไปหนึ่งข้าง ต้องมาเดินเก็บขยะข้างถนนขายเลี้ยงชีวิต แต่กรรมยังไม่หมดเพราะ โรงพยาบาลปฏิเสธออกบัตรรับรองผู้พิการให้อ้างต้องให้ตาบอดทั้ง2ข้าง นั้น ล่าสุดนอภ.กบินทร์บุรี -อบต.-ผู้นำท้องถิ่น อสม.ลงพื้นที่มอบสิ่งของเงินช่วยเหลือ เตรียมทำบัตรสวัสดิการช่วยเหลือรวมถึงดูแลบ้านที่อยู่ให้มั่นคง และนำไปลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
วันนี้ 7 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้าบทละครชีวิต ของอดีตสาวสอง ที่ตั้งแต่เช้า หลังตื่นนอนจากที่พักซึ่งไม่ต่างจากเล้าไก่ ที่แทบจะหลบแดดหลบฝนไม่ได้ของนายวิษณุ เชื้อวงษ์ อดีตสาวสอง ในวัย 43 ปี ที่อยู่ตามทะเบียนราษฏร์ 41 หมู่ 5 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่เขาจะลุกขึ้นมาหุงหาอาหารจากเตาฟืน ที่ใช้หินสามก้อน มาวางเป็นสามเส้า แทนเตาอั้งโล่ ซึ่งก็คืออาหารมื้อที่เหลือจากเมื่อวานเป็นส่วนใหญ่ เพื่อทานประทังชีวิตให้อิ่ม แล้วเดินพร้อมถุงปุ๋ยสองใบ ออกหาเก็บขยะ เศษเหล็ก เศษพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม รวมทั้งขวดเปล่า ที่มีคนทิ้งข้างถนน
เขา เริ่มต้นเดินเท่าจากที่พัก ไปเรื่อยๆ จนบางวัน วิษณุเดินไปจนถึง สี่แยกสามทหารกบินทร์บุรี ซึ่งรวมระยะทางไปกลับแล้วกว่า 20 กิโลเมตร แต่ใช่ว่าการเดินเก็บเศษขยะที่เหลือทิ้งตามสองข้างทางจะประสบผลสำเร็จ วิษณุบอกว่าบางวันแทบไม่ได้ หรือได้ไม่พอจะเอาไปขาย หิวก็ดื่มน้ำเปล่าที่นำติดตัวมา ลูบท้องแทน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก เขาก็ต้องไป
เพราะ ถ้าไม่ไปไม่มีขยะขาย ก็ไม่ได้กิน บางครั้งเจอคนใจดีก็หยิบยื่นอาหารหรือขนมให้ประทังชีวิต ราคาที่เขาขายกระป๋องน้ำอัดลม ได้เงินมาเพียง กิโลกรัม ละ 48 บาท แต่วิษณุต้องใช้เวลานานหลายวัน กว่าจะรวบรวมได้หนึ่งกิโลกรัม เพื่อไปแลกกับเงิน 48 บาท
หลังเดินมาทั้งวันก็จะเอาขยะที่เก็บได้มารวมไว้ก่อนคัดแยกขาย เมื่อหายเหนื่อย มื้อเย็นไม่ต้องพูดถึงวิษณุบอก ไม่เคยกินมานานแรมปีแล้ว ไม่ใช้ประหยัด แต่ เพราะไม่มีจะกิน แม้แต่มื้ออื่นบางวันยังต้องไปอาศัยความเมตตา ขอข้าวก้นบาตพระมากินแทน
วิษณุ บอกว่า ชีวิตนี้ไม่หวังอะไรแล้ว ขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน ที่กันฟ้ากันฝน ไม่ต้องมาคอยพะวงว่ากระต๊อบที่อาศัย มันจะพังลงมาเมื่อไหร่ เพราะสร้างจากไม้ไผ่และเศษไม้ แต่ที่เหนืออื่นใด วิษณุ บอกว่า อยากได้บัตรสวัสดิการของคนพิการ เพราะตัวเองเส้นขายึด เดินไม่สะดวกและตาบอดเหตุเพราะเชื้อราลามติดเชื้อ อย่างน้อยจะได้มีเงินไว้ซื้อข้าวกินเมื่อยามที่ตนเองที่เดินไม่ไหว หรือหาของขายเก่าไม่ได้ จะได้เอามาใช้จ่ายได้บ้าง
วิษณุ บอกว่า เคยไปขอทำเรื่องแต่หมอ รพ.กบินทร์บุรี ที่เข้ารักษาตัวปฏิเสธ บอกว่า บอดข้างเดียวไม่เข้าข่ายผู้พิการ ต้องรอให้ตาบอดสองข้างก่อนถึงจะออกให้ได้ ชีวิตก็คงต้องทนไปอย่างนี้จนกว่าจะตาย แต่ไม่เคยคิดสั้น ไม่เคยท้อ ไม่เคยโทษโชคชะตา ทุกอย่างเป็นเพราะกรรมของตัวเราทั้งหมด ก็จะขอสู้ต่อไปจนถึงวันสุดท้าย
ขณะที่นางอุไร (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งมีศักดิ์ เป็นญาติห่างๆ และ เป็นคนที่ให้ที่อยู่และทำเพิงพัก วิษณุ ใช้เป็นที่อาศัย ในพื้นที่ เปิดเผยว่า ถึงแม้เค้าจะเป็นคนพิการด้วยสาเหตุเลือดบวก แต่นายวิษณุ ไม่เคยมาแบมือขอใคร ยังรู้จักทำมาหากิน เดินเก็บขยะวันละ 20 กิโลเมตร ทั้งที่ ตาบอด เดินไม่ถนัด ก็ต้องดูแลกันไปตามมีตามเกิด ส่วนตัวอยากให้เค้ามีบัตรคนพิการเพื่อจะได้เข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ หรืออย่างน้อยก็มีเงินไว้ซื้อกับข้าวกิน โดยเจ้าตัวบอกว่าตามองไม่ค่อยเห็นและแขนขาอ่อนแรง ก็ออกไปหาเก็บขยะเลี้ยงชีพ ไม่อยากเป็นภาระของใคร
ยอมรับว่าพ่อ-แม่แยกทางกันอยู่ ส่วนลึกๆไม่อยากเป็นข่าว ไม่อยากให้ใครมาเป็นภาระและรับผิดชอบอะไร ชีวิตที่เหลืออยู่ อยากจะมีบ้านที่มั่นคงแข็งแรงกว่านี้ และ มีงานทำ พอมีรายได้เลี้ยงชีพไปวันๆก็พอแล้ว ตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว นั้น
ควานคืบหน้าล่าสุด ในวันนี้ (7ก.ย.) นายสหชัย จำประสิทธิ์กุล นายอำเภอกบินทร์บุรี พร้อมด้วยหลายภาคส่วน อาทิ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง (อบต.) , ผู้ใหญ่บ้าน, อสม.และ ส่วนอื่น ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยม เพิงพักในพื้นที่หมู่ 3 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ของอดีตสาวสอง พร้อมนำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาดเยี่ยมให้กำลังใจ
นายสหชัยกล่าวว่า ตามที่ภาพเป็นข่าวนั้น ขณะนี้ทางอำเภอได้สั่งการให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการทำบัตรผู้ป่วย-ให้ พร้อมกับจะสร้างบ้านที่มั่นคงและแข็งแรงให้ โดยจะให้ย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้านของผู้ดูแล เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมา ทาง อสม. และ ผู้ใหญ่บ้าน และญาติได้ดูแลบ้าง เป็นบางครั้งและทางพัฒนาสังคมฯจะได้ติดตามลงมาช่วยเหลือต่อไป และจากที่อยู่ระหว่างการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้มอบหมายให้ทาง อบต.บ่อทองดูแลดำเนินการการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ด้วย
ด้านนางรัชนี วังหอม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า เดิมทีลูกบ้านรายนี้ มาอาศัยอยู่กับญาติอยู่หมู่ที่ 5 แต่ไม่ได้อาศัยอยู่หมู่ที่ 5 มาอาศัยปลูกเพิงพักอยู่ที่หมู่ที่ 3 ที่ผ่านมาก็มีญาติ และ ผู้นำแวะเวียนมาสอบถามและให้การช่วยเหลืออยู่บ้างเป็นบางครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่มีการเข้ามาสอบถาม หรือ ไม่ช่วยเหลือเลย