พระยุทธนา ยติโก (มะลิพันธ์) พระภิกษุผู้เดินตามรอยหลวงปู่โอภาสี นักบุญของชาวบ้านผู้ยากไร้พระผู้เป็นแสงสว่างเล็ก ๆ แต่ทรงพลังให้แก่ชุมชนบางมดอย่างไม่รู้โรยรา
วันที่ 7 ธันวาคม 2568
ณ วัดหลวงพ่อโอภาสี เลขที่ 72/3 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
แสงธรรมของหลวงพ่อโอภาสีเป็นดั่งลมหายใจอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่ววัดเล็ก ๆ แห่งนี้ ท่านสอนธรรมด้วยถ้อยคำเรียบง่าย แต่งดงามราวแสงเทียนในยามค่ำคืนไม่เร่งเร้า ไม่หวือหวา แต่ให้ความสว่างแก่ผู้มองหาเสมอ
คำสอนของท่านล้วนชี้กลับมาที่ “ตัวเรา”
อยู่กับปัจจุบันทุกขณะ
ขัดเกลาใจให้สงบ
มองเห็นกิเลสของตนด้วยความซื่อตรง
หลวงพ่อเคยเปรียบไว้ว่า “โลกมันเท่าแผ่นดิน ธรรมะเท่าปลายเข็ม” แต่ปลายเข็มที่เล็กเพียงนิดเดียวนี้ หากเรายึดไว้มั่น ก็อาจเป็นหลักให้ใจยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางความวุ่นวายของโลก
แม้ท่านจะละสังขารไปเนิ่นนานแล้ว แต่สิ่งน่าอัศจรรย์คือ…สังขารของท่านยังไม่เสื่อมสลาย ราวกับเตือนให้เรารู้ว่า ความดีและธรรมะของท่านนั้นยังคงอยู่ ไม่มีวันจางหาย
ผู้สืบสานปฏิปทาอย่างงดงามพระยุทธนา มะลิพันธ์
ภายในวัดแห่งนี้ มีพระภิกษุรูปหนึ่งผู้สืบสานปฏิปทาของหลวงปู่อย่างเงียบสงบ แต่หนักแน่น พระยุทธนา มะลิพันธ์ ผู้บวชและจำพรรษาที่นี่มากว่า 9 พรรษา แม้อายุจะล่วงเข้าสู่ 52 ปี แต่เมตตาของท่านยังคงอ่อนโยนและอิ่มเอมไม่เสื่อมคลาย
ตั้งแต่วันบวชใหม่ ๆ ท่านตั้งใจแน่วแน่จะเดินตามรอยหลวงปู่ ด้วยการช่วยเหลือผู้ลำบาก แจกทานทุกเดือนโดยไม่เคยขาด แม้บางวันฟ้าจะตั้งเค้า ฝนจะลงเม็ด หรือเสียงลือเสียงเล่าอ้างจะดังเพียงใดท่านก็ยังยิ้มและยื่นมือให้ผู้ตกทุกข์เสมอ
ครั้งหนึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโครงการมหาทานที่ดำเนินมากว่า 6 ปี พระยุทธนาตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า
“อาตมาทำมาตั้งแต่บวชใหม่ ๆ เห็นโยมบางคนลำบาก ก็คิดว่า ข้าวที่ได้จากบิณฑบาต ถ้าอาตมาฉันแล้วเหลือ ทำไมจะแบ่งให้คนอื่นไม่ได้ล่ะ อาตมาทำตามหลวงปู่โอภาสี ท่านเองก็แจกข้าวสารช่วยชาวบ้านเหมือนกัน”เพียงประโยคสั้น ๆ แต่เปิดเผยหัวใจที่ใสสะอาดดุจน้ำฝนแรกของฤดู
เมื่อถามต่อว่าทำไมจึงทำมานานไม่หยุด ไม่หวั่นต่อความเหนื่อยยาก ท่านกล่าวอย่างหนักแน่นจากส่วนลึกของหัวใจว่า “ อาตมาไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดเลย แค่อยากให้ชาวบ้านมีที่พึ่งในยามลำบาก ถ้าพระไม่ช่วยคน ทุกอย่างก็ว่างเปล่า เราต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน ” ถ้อยคำเงียบ ๆ แต่หนักแน่นประดุจระฆังยามรุ่งสางกังวานสะท้อนอยู่ในใจผู้ฟังตราบนาน
พระดี…ยังคงมีอยู่จริงเรื่องราวของพระยุทธนาเป็นคำยืนยันอันงดงามว่า “พระดี พระแท้” ไม่เคยสูญหายไปจากแผ่นดินไทย พระที่ไม่ได้สอนธรรมเพียงด้วยคำพูด แต่สอนด้วยชีวิตจริง สอนด้วยการให้ สอนด้วยความเมตตาที่ไม่เลือกผู้รับ
ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในวัด
ไม่ว่าจะมาด้วยความหวัง ความทุกข์ หรือความว่างเปล่า
ย่อมกลับออกไปพร้อม “บางสิ่ง” ที่เต็มหัวใจเสมอ
ซึ่งบรรยากาศแห่งการให้ในวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ มีประชาชนกว่า 3,000 คน เดินทางมารับถุงยังชีพจากพระยุทธนา บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้ถุงยังชีพหนึ่งถุงอาจไม่ได้เปลี่ยนชีวิตใครทั้งชีวิต แต่สามารถประคับประคองวันลำบากให้ผ่านไปได้อีกวัน… และบางครั้ง เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับหัวใจหนึ่งดวง ผู้ที่มาครั้งนี้ได้รับของกันครบถ้วนทุกคน บางคนมากับครอบครัว บางคนพึ่งพาตัวคนเดียว แต่ทุกคนกลับออกไปพร้อมความอุ่นใจที่ได้รับจากท่าน
พระยุทธนา กล่าวว่า การแจกครั้งต่อไปจะจัดขึ้นใน วันที่
11 มกราคม 2569 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปเพื่อให้การให้ยังคงดำเนินต่อไป…ดั่งสายน้ำที่ไหลไม่เคยหยุด
ในโลกที่หมุนเร็ว ใจดี ๆ แบบนี้ล้ำค่าเหลือเกิน ซึ่งเรื่องราวของพระยุทธนา และ หลวงปู่โอภาสี เตือนให้เรารู้ว่า บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย อาจมีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่ทำให้โลกใบนี้อบอุ่นขึ้นได้อย่างแท้จริง และ พระยุทธนา คือหนึ่งในนั้นเมตตาของท่านเรียบง่าย ไม่โอ้อวด
แต่ส่งต่อแรงหวังแก่ใครต่อใครนับพัน
ความดีเช่นนี้งดงามเหลือเกินและควรค่าแก่การน้อมสาธุการด้วยหัวใจอย่างแท้จริง
สาธุ











