กอปภ.อยุธยา เผยน้ำลดลง40 ซ.ม.แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก เตือนระวังเชื้อโรคมากับน้ำ
นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา แจ้งสถานการณ์น้ำ วันที่ 6 กันยายน 2565 เวลา 06.00 น มีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C13 ที่ 1,495 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวาน 87 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ C35 บ้านป้อม พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำอยู่ที่ 3.84 ม. ลดลงจากเมื่อวาน 15 ซม. ลดลงสะสม 47 ซม.
ในส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่สถานี S.28 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 266 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวาน 2 ลบ.ม./วินาที การระบายน้ำที่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ คงที่ ส่งผลให้ระดับน้ำที่จุดวัดน้ำสะพานปรีดี-ธำรง อ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน 10 ซม. ลดลงสะสม 35 ซม.
สำหรับพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 16 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน จำนวน 8 อำเภอ 97 ตำบล 510 หมู่บ้าน 4 ชุมชน 19,275 ครัวเรือน รวมพื้นที่การเกษตร 7,801.75 ไร่ ไม้ผล/ไม้ยืนต้น 7 ไร่ ดังนี้ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะหัน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน และอำเภอนครหลวง
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำเอ่อล้นใต้ถุนบ้านได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมกับ 3 วันที่ผ่านมา ลดลงแล้วกว่า 40 ซม. ถนนหนทางยังสัญจรไป – มาได้ตามปกติ โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และเฝ้าระวัง พื้นที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่เขตพระราชฐาน โบราณสถาน วัดสำคัญ พื้นที่เขตเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรม ชุมชนหนาแน่น เขตเทศบาลนคร เทศบาลเมือง พื้นที่การเกษตร เป็นต้น และตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ได้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ 186 ออกควบคุมการจราจรทางน้ำและประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัย บริเวณแม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแจ้งเตือนหน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังคงเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรกว่า 6 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว ทำให้สามารถรักษาที่นาที่รอการเก็บเกี่ยวได้กว่า 1 หมื่นไร่ โดยการระดมเครื่องสูบจากทุกภาคส่วนมาสนับสนุน จำนวน 50 เครื่อง ตลอดจนให้ความช่วยเหลือมอบถุงยังชีพ จำนวนกว่า 5,848 ถุง
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมที่จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขามีปริมาณมากขึ้นในบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล รวมถึงการระบายน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา 1,500 – 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วงวันที่ 5 – 10 ก.ย.65 รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนไม่ควรลุยน้ำนานๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก เสี่ยงติดเชื้อโรคที่มากับน้ำ
สุขุม แก้วกุดั่น อยุธยา