คืบหน้าปฏิบัติการ “จับคนคุมคุก..เข้าคุก..” พบหลักฐานตกแต่งฮาเร็มช่วง ก.ค.68
รมว.ยุติธรรม ชี้ห้องบำเรอกามจีนเทา รีโนเวทช่วง ก.ค.68 ทึ่ง!!ใช้เวลาสร้างไม่ถึงเดือน แต่ยังไม่ชัดใช้เงินหลวงหรือไม่ เร่งเช็คเส้นทางการเงิน อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
วันนี้ (25 พ.ย.) ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปละปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานภายในสำนักงานเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังจีนเทา ว่า วานนี้ 24 พ.ย. มีคำสั่งให้ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ เลขานุการผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ออกจากราชการแล้วทั้ง 2 คน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ควบคู่กับการสอบสวนของดีเอสไอ ยืนยันว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามมาอีกและเชื่อว่าทำกันเพียงแค่สองคนไม่ได้
พล.ต.ท.รุทธพล ยอมรับว่า ข้อมูลที่นำมาประกอบการสอบสวนและนำมาสู่การปฏิบัติการครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจำที่อึดอัดและไม่พอใจในการทำงานของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รายนี้ แต่จะมีการดำเนินการยึดทรัพย์ อดีต ผบ.เรือนจำฯ หรือไม่ ยืนยันว่าจะดำเนินการเท่าที่ทำได้และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ ต้องการตรวจสอบย้อนหลังสมัย นายมานพ เป็นผบ.เรือนจำต่างๆ เช่น จ. สมุทรปราการ ว่าเคยมีพฤติการณ์ลักษณะนี้หรือไม่
“ส่วนห้องที่เกิดเหตุพบรีโนเวทช่วงเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา และเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนดังกล่าว โดย นายมานพ ชมชื่น อ้างว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นห้องรับรอง แต่ประเด็นนี้ทางคณะกรรมการฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ดำเนินการใช้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ถ้าไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ก็ถือเป็นความเสียหาย และมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้งบประมาณรัฐหรือไม่นั้นยังคงต้องตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งปัจจุบันห้องดังกล่าวได้มีการปิดตายไปแล้ว”
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าในวันเกิดเหตุการจะนำนักโทษออกจาแดนจะต้องมี พัศดีเวร เป็นผู้เซ็นเบิกตัวผู้ต้องขัง แต่ไม่พบอยู่ใน 19 รายที่ถูกคำสั่งโยกย้าย พล.ต.ท.รุทธพล ระบุว่า หากพบมีความผิดและมีส่วนเกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าจะโยกย้ายแน่นนอน ส่วนการเยี่ยมผู้ต้องขังในวันอาทิตย์ได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่สามารถเยี่ยมในวันอาทิตย์ได้ และไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.รุทธพล เผยอีกว่า ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องดูอย่างละเอียด และจะดูยิ่งไปกว่าเส้นทางการเงิน ส่วนจำนวนเงินหมุนเวียนนั้นยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อสำนวนคดี อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้สั่งขีดเส้นตายการรายงานผล เพราะอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเต็มที่พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด











