นนทบุรี ต่อข่าว อดีต ร.ต.อ.ปฏิเสธทุกข้อหา ยืนยันภาพฉี่เป็นของเก่าถูกตัดต่อ ขณะรองนากยกฯ หลายหน่วยงานลงพื้นที่เจรจา
จากกรณีชาวบ้านนับสิบครัวเรือนในหมู่บ้านหรู อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ร้องเรียนว่าถูกอดีต ร.ต.อ. วัย 63 ปี ก่อพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนต่อเนื่อง ทั้งด่าทอ เปิดไฟสปอร์ตไลท์ส่องใส่บ้านตลอดคืน ฉีดน้ำล้างขี้นกใส่ใส่เพื่อนบ้าน รวมถึงมีพฤติกรรมยืนปัสสาวะและโชว์อวัยวะเพศต่อหน้าเพื่อนบ้าน จนหลายคนหวาดผวาไม่กล้าออกจากบ้าน แม้รวมตัวกันไปแจ้งความที่ สภ.บางกรวย มาเกือบหนึ่งปี แต่คดีกลับไม่คืบหน้า ขณะที่ชาวบ้านหลายรายยืนยันว่าเคยถูกข่มขู่ว่าจะยิง กล้องวงจรปิดถูกกดเบนทิศทาง และไม่ให้ความร่วมมือนิติบุคคล ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อีกต่อไป จึงวอนให้ตำรวจเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 68 นางเยาวภา มากมูล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปลายบาง พร้อมด้วย นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ผู้ก่อตั้งเพจ “เป้ บางกรวย – นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” ปลัดอำเภอบางกรวย ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางกรวย เทศบาลเมืองปลายบาง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมหาสวัสดิ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและพูดคุยกับคู่กรณี
โดยนายนัน อายุ 63 ปี อดีต ร.ต.อ. ชี้แจงว่า ภาพขณะปัสสาวะที่ถูกเผยแพร่นั้นเป็นภาพเก่าที่ถูกตัดต่อ พร้อมระบุว่าตนมีโรคเบาหวานจึงปัสสาวะบ่อย และยืนยันว่าปัสสาวะอยู่ภายในบ้านของตน ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ส่วนกรณีหยิบฝาโอ่งหรือเข้าบ้านเพื่อนบ้านนั้น อ้างว่าเพราะเพื่อนบ้านมีอาการอัลไซเมอร์ ลืมปิดน้ำ ลืมล็อกบ้าน จึงไปช่วยตรวจให้ แต่กลับถูกกล่าวหาเกินจริง พร้อมยืนยันว่ามีพยานรู้เห็น
ส่วนกรณีไปกดกล้องวงจรปิด เจ้าตัวยอมรับว่าทำจริง เพราะกล้องหันมาส่องที่บ้านของตนหลายตัว แต่ตนไม่ได้กลัว เพราะไม่ได้เสพยาและเป็นตำรวจมาก่อน แต่ไม่ขอพูดคุยกับเพื่อนบ้านเพราะมีความบาดหมางกันยาวนานกว่า 9 ปี
อดีต ร.ต.อ. ยังกล่าวว่า เรื่องเปิดไฟสปอร์ตไลท์เป็นการเปิดเพียงช่วงปีใหม่ ใช้เพียงไฟขนาดเล็กที่ไว้หนีบจักรยาน พร้อมยืนยันว่าอาศัยในชุมชนมานานและมักช่วยดูแลเพื่อนบ้าน แต่หลังถูกเผยแพร่คลิปออกสื่อทำให้เสียหาย ภรรยาเคยบอกให้ฟ้องแต่ตนไม่มีเงินจ้างทนาย อยากฝากถึงคู่กรณีว่า “ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” และยืนยันว่าตนไม่มีปืน เนื่องจากหลังลาออกได้นำอาวุธทั้งหมดให้ลูกชายที่รับราชการไปแล้ว พร้อมระบุว่าเพื่อนบ้านที่เป็นทอมเคยได้รับการช่วยเหลือจากตนหลายครั้ง เช่น พาแม่ป่วยไปโรงพยาบาล แต่กลับกล่อมคนในหมู่บ้านให้เกลียดตน
อย่างไรก็ตาม ตนยินดีให้ความร่วมมือในประเด็นเรื่องนกพิราบตนไม่ได้เป็นคนให้อาหาร และจะจัดการนกพิราบเองไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก แต่ไม่พร้อมพูดคุยกับคู่กรณีเพราะ “ไม่อยากเห็นหน้า”
ด้านนางเยาวภา มากมูล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปลายบาง กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายพงษ์ศักดิ์ อัจฉริยะประสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองปลายบาง ให้มาจัดการเรื่องนี้ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 68 และเคยส่งเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขมาดูแลเรื่องนกพิราบแล้วกว่า 4 ครั้งจนจัดการเสร็จสิ้น แต่ล่าสุดเป็นรอบใหม่ซึ่งชาวบ้านยังไม่ได้แจ้งเข้ามาในระบบของเทศบาล เมื่อได้รับทราบจึงรีบลงพื้นที่ทันที พร้อมประสานให้นิติบุคคลจัดทำคำร้องอย่างเป็นทางการ และนำหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบเพื่อให้ปัญหายุติลง สำหรับปัญหานกพิราบ รอบแรกได้ผล แต่ปัจจุบันนกย้ายไปอยู่ตามหลังคาบ้านอื่น เจ้าหน้าที่จึงต้องประสานขออนุญาตหลายครัวเรือนเพื่อขึ้นไปฉีดยากำจัด ปัจจุบันมี 2 หลังคาเรือนที่ยินยอมแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องให้อาหารนกและปัสสาวะเรี่ยราด อดีต ร.ต.อ. ปฏิเสธทั้งหมด โดยขั้นตอนต่อไปฝ่ายกฎหมายของเทศบาลจะดำเนินการตามระเบียบ และสาธารณสุขก็ได้ทำการเข้าไปพูดคุยตักเตือนในเรื่องปัสสาวะ ให้ปัสสาวะให้เป็นที่เป็นทางเรียบร้อย และจะนำรถมาฉีดล้างทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายต่อไป
นางสาวชนกพัชนกภัทร์ ฟุ้งหิรัญสวัสดิ์ อายุ 47 ปี หนึ่งในเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า รู้สึกขอบคุณทุกหน่วยงานที่ลงมาช่วยเหลือ เพราะก่อนหน้านี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะฝุ่นและเชื้อโรคจากฝูงนกพิราบที่เกิดจากการให้อาหารของคู่กรณี ซึ่งทำให้ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาและไม่กล้าออกจากบ้าน แม้เคยพูดคุยกันหลายครั้งแต่เขาไม่ปรับปรุงพฤติกรรม และยังมีพฤติกรรมอื่นตามที่ปรากฏในสื่ออีกหลายเรื่อง ตนหวังว่าหลังวันนี้ผู้ก่อเหตุจะหยุดพฤติกรรมทั้งหมด
ด้านนายโชติอนันต์ หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ระบุว่า หลังพูดคุยกับอดีต ร.ต.อ. พบว่าโดยรวมเป็นคนพูดคุยรู้เรื่อง ร่าเริง และตลก แต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่ใช่เรื่องตลก พร้อมเผยว่าคู่กรณียอมรับว่าจะเลิกพฤติกรรมทั้งหมดและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนบ้านอีก พร้อมยืนยันว่าหากเกิดเหตุซ้ำ หน่วยงานทุกฝ่ายรวมถึงทีมงานของตนจะเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหานี้ยุติลงอย่างเด็ดขาด









