ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ระดมกำลังกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหา
ตามหมายจับเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ ในพื้นที่ชลบุรี จำนวน 18 ราย
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล. และ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.บก.ทล.
กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำโดย พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง, พ.ต.ท.สมบูรณ์ เอื้อสมานไมตรี รอง ผกก.3 บก.ทล., ได้สั่งการให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ว่าที่ พ.ต.ต.บดี ดวนพล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล, ร.ต.อ.ภิเชศ นาเมืองรักษ์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., พร้อมข้าราชการตำรวจ ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาต้องหาตามหมายจับค้างเก่าจำนวน 18 หมายจับ คดีเกี่ยวกับ
1.การฉ้อโกงประชาชน
2.ความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ
3.ความผิดเกี่ยวกับการเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนฯ หรือ บัญชีม้า
สถานที่จับกุม ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่ วันที่ 28 ต.ค.- 3 พ.ย.68
ข้อกล่าวหาข้างต้นมีโทษตามกฎหมายดังนี้
1.ป.อาญา มาตรา 343 วรรค2 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชนโดยทุกจริตแสดงตนเป็นคนอื่นฯ โทษ จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท ยอมความไม่ได้
2.พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3.พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มาตรา 9 ผู้ใดเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้ มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท
พฤติการณ์ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมความผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงการฉ้อโกงออนไลน์ ในช่วงระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2568 รวมระยะเวลา 7 วัน สถานีตำรวจทางหลวงชลบุรี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดำเนินการกวาดล้างและติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความผิดเกี่ยวกับ
1. การฉ้อโกงประชาชน
2. ความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน
3. ความผิดเกี่ยวกับการเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเอง (บัญชีม้า)จากผลการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวได้จำนวน 18 ราย พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งหมดเคยก่อเหตุอาชญากรรมลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ก่อนจะหลบหนีมาซ่อนตัวในจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมักเดินทางออกไปก่อเหตุในต่างประเทศ และเมื่อถูกอายัดบัญชีหรือมีหมายจับ ก็จะหลบหนีกลับเข้ามาซ่อนตัวในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีกลุ่มแรงงานแฝงจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการติดตามจับกุมอย่างไรก็ตาม สถานีตำรวจทางหลวงชลบุรีจะยังคงเร่งรัดการสืบสวนและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัยประชาชน ระวังการรับจ้างเปิด “บัญชีม้า”ขอเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงความผิดและผลกระทบจากการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือให้ผู้อื่นยืมใช้บัญชี ซึ่งถือเป็นการมีส่วนร่วมในกระบวนการฉ้อโกงออนไลน์ โดยมีข้อควรระวังดังนี้
1.การรับจ้างเปิดบัญชีม้าถือว่ามีความผิดในลักษณะเดียวกับผู้ร่วมกระทำการหลอกลวงประชาชน ต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดหลัก
2.โทษของการเปิดบัญชีม้าจะต้องรับโทษ “ต่างกรรมต่างวาระ” ตามจำนวนครั้งหรือจำนวนคดีที่บัญชีนั้นถูกนำไปใช้กระทำผิด
3.อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่ชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อแลกกับค่าตอบแทน เพราะผู้เปิดบัญชีจะถูกดำเนินคดีภายหลังเมื่อมีการนำบัญชีไปใช้ในการฉ้อโกง
4.อย่าเดินทางไปทำงานร่วมกับกลุ่มสแกมเมอร์ในต่างประเทศ เนื่องจากอาจถูกหลอกลวง บังคับใช้แรงงาน หรือถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยไม่สามารถกลับประเทศได้
ประชาชนควรใช้ความระมัดระวังตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนทำธุรกรรมทางการเงินทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อหรือผู้ร่วมกระทำผิดในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี









