รวบบัญชีม้า 5 หมายจับ “แก๊งส่งของทิพย์”
หลอกช่างไฟ-ช่างแอร์ ซ้ำเติมคนทำมาหากิน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.,
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์,
พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ และ
พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ., ด.ต.วิทวัส เพ็งแก้ว,
จ.ส.ต.วราวุฒิ คงเพชร, จ.ส.ต.ปภาวิน เทพจันทร์ ผบ.หมู่.กก.3 บก.ปอศ.
ได้จับกุมตัว นายนิติฯ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 5 หมายจับ ดังนี้
1. หมายจับของศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.126/2566 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
2. หมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.226/2566 ลงวันที่ 12 เมษายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน”
3. หมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.573/2566 ลงวันที่7 กรกฎาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน”
4. หมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 401/2566 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง”
5. หมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 335/2564 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน”
สถานที่จับกุม ถนนสาธารณะหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง หมู่ 5 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอศ. ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล
ลุยปราบภัยออนไลน์เชิงรุก รวบหนุ่มหาดใหญ่หนีคดี 5 หมายจับ กบดานไกลถึงเชียงราย พบเป็นบัญชีม้าตัวกลางให้ “แก๊งส่งของทิพย์” สวมรอยเป็นร้านค้าเฉพาะทาง หลอกขายอุปกรณ์ช่าง แต่ส่งของไม่ตรงปก
สูญเงินจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปอศ. ได้สืบทราบว่า นายนิติฯ อายุ 31 ปี
ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับคดีฉ้อโกงและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่เกี่ยวข้องกับคดี
คอลเซนเตอร์ จำนวนถึง 5 หมายจับ ได้หลบหนีการจับกุมมาทำงานและกบดานอยู่ในพื้นที่
อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที
จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ได้พบบุคคลลักษณะตรงตามหมายจับบริเวณถนนสาธารณะหน้าร้านค้าในพื้นที่ หมู่ 5 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จึงเข้าแสดงตัวและตรวจสอบบัตรประชาชน ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง จึงควบคุมตัวส่ง
พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนพบว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2566 มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่าง หรือผู้ประกอบการรายย่อย ถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาหลายบัญชี โดยใช้ชื่อที่แตกต่างกัน มุ่งเป้าหลอกลวงเหยื่อที่ต้องการซื้อสินค้าเฉพาะทาง เช่น สายไฟ, อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือน้ำยาแอร์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อสินค้า คนร้ายจะส่งเลขที่บัญชีธนาคาร “บัญชีม้า” (ซึ่งคือนายนิติฯ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม) ให้เหยื่อโอนเงิน แต่หลังจากได้รับเงินแล้ว คนร้ายจะใช้วิธีการ ส่งสินค้าอื่นที่ไม่มีคุณภาพหรือมีราคาถูกกว่าไปให้ หรือในบางกรณีก็ไม่ส่งสินค้าใดๆ เลย แล้วจึงตัดขาดการติดต่อ ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถติดตามเงินคืนได้ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายใช้กลโกงนี้หลอกเหยื่อในลักษณะเดียวกัน
อีกเป็นจำนวนมาก
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้รู้จักกับมิจฉาชีพผ่านทางเฟซบุ๊ก (โดยไม่เคยพบหน้ากันจริง) ซึ่งคนร้ายได้ทำทีเข้ามาตีสนิท สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนจะออกอุบายว่า “อ้างว่าญาติจะโอนเงินมาให้” แต่ตนเองไม่สะดวกรับเงินโดยตรง จึงขอใช้บัญชีธนาคาร
ของผู้ต้องหาเป็นทางผ่าน เมื่อมีเงินโอนเข้ามา คนร้ายก็จะสั่งการให้ผู้ต้องหาช่วย กดเป็นเงินสดออกมา
หรือ โอนต่อไปยังบัญชีอื่น ที่คนร้ายจะส่งมาให้อีกทอดหนึ่ง หลังจากทำเช่นนี้ได้ไม่นาน บัญชีธนาคารของตนก็ถูกอายัด และเมื่อพยายามติดต่อกลับไป เพื่อนในเฟซบุ๊กคนดังกล่าวก็ตัดขาดการติดต่อและหลบหนีไปทันที









