ขยายผลจับกุมหนุ่มจีนเทาและนักบัญชีไทยเทา
ตัวการจัดหาบัญชีม้านิติบุคคลให้แก๊งหลอกลงทุนแอปปลอม
สร้างความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี,
พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว, ร.ต.อ.หญิง ศรุตา ขันธรูจี, ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง รอง สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ต.เอก ครองบุญ รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ท.อินทุชัย อินทรา รอง สว.(สอบสวน) กก.3
บก.ปอท., ด.ต.เสริมศักดิ์ บัวขาว, ด.ต.วรวุฒิ เหมาะเจาะ, ด.ต.วชิระ มูสิกะ, ด.ต.ธีรศักดิ์ พรภักดี, ส.ต.อ.วสันต์ จันเส ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม
1. MR.ZEHU อายุ 23 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4700/2568 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2568
2. น.ส.สายพิรุณฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4699/2568 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2568
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
สถานที่จับกุม
1. ฝ่าย ตม.ขาเข้า ชั้น 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
2. ด้านหน้า บริษัทแห่งหนึ่ง ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ได้ทำการสืบสวนกรณีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนผ่านแอปพลิชันปลอม ความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท และได้เปิดปฎิบัติการ Skyfall จับกุมผู้ต้องหาชาวเมียนมา แก๊งฟอกเงินผ่าน Huione Pay จำนวน 3 ราย ยึดเงินสด ได้กว่า 46 ล้านบาท ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
จากนั้นได้ทำการขยายผลในส่วนบัญชีม้านิติบุคคล บริษัท 2 แห่ง พบว่า มี น.ส.สายพิรุณฯ เป็นนักบัญชี
ที่ทำการจดทะเบียนบริษัท ทั้งสองบริษัทจึงได้ขออนุมัติหมายค้น เข้าตรวจค้นและซักถามปากคำ
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์และซักถามปากคำ น.ส.สายพิรุณฯ ให้การรับว่าได้รับจ้างจากชาวจีน ชื่อ Mr.Zehu ให้นำข้อมูลของบุคคลที่ชาวจีนส่งให้ไปจดทะเบียนบริษัทและเปิดบัญชีธนาคารนิติบุคคลดังกล่าว จากนั้นจะส่งข้อมูลบัญชีและ ซิมการ์ดที่ใช้รับ OTP ในการโอนเงินของบัญชีนิติบุคคลให้กับ Mr.Zehu โดยจะได้รับค่าจ้าง
ในการจดทะเบียนบริษัทละ 5,000 บาท
จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ น.ส.สายพิรุณฯ และ Mr.Zehu และติดตามจับกุมตัว น.ส.สายพิรุณฯ ได้ที่บริษัทย่านห้วยขวาง และจับกุม Mr.Zehu ได้ขณะบินกลับเข้ามาที่ประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จากการตรวจสอบข้อมูลการสนทนาในโทรศัพท์ พบว่า Mr.Zehu มีการส่งข้อมูลบุคคลให้ น.ส.สายพิรุณฯ เพื่อจดทะเบียนบริษัทและบัญชีธนาคารนิติบุคคลจริง โดยพบว่ามีการเปิดบัญชีธนาคารมาแล้วกว่า 10 บริษัท และมีการส่งบัญชี
นิติบุคคลต่อให้เพื่อนชาวจีน ในพื้นที่ กทม. ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ไม่ควรหลงเชื่อเพจที่มีการชักชวนลงทุนต่างๆ เพราะมิจฉาชีพมักจะใช้วิธีการโฆษณาโพสต์เพื่อชักชวนให้ลงทุน โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง และจะให้เข้ากลุ่มไลน์ ที่มีหน้าม้า ซึ่งเป็นขบวนการเดียวกับมิจฉาชีพ คอยส่งความเคลื่อนไหวในกลุ่ม ว่าสามารถถอนเงินได้จริงเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้นจะมีการส่งแอปพลิเคชันปลอม หรือ ลิงค์หลอกลงทุน ให้ผู้เสียหาย โดยจะสามารถถอนเงินได้ในครั้งแรกๆ และจะไม่สามารถถอนเงินได้ เมื่อโอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยจะมีข้ออ้างต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายเสียดายเงินยอดเงินที่โอนไปและยอดเงินปลอมที่แสดงในแอปปลอม โดยพบว่ามีการใช้บัญชีม้า
นิติบุคคล เพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ควรตรวจสอบข้อมูลบริษัท เจ้าของบัญชี
ทุกครั้งก่อนโอนเงิน ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และมีวัตถุประสงค์ของบริษัท ตรงกับธุรกิจที่ดำเนินการหรือไม่
การกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับ โอน ถือครอง หรือแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดถือเป็นความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามกฎหมาย









