รวบตาออกอุบายลวงหลานสาววัย 11 ขวบ
ข่มขืนที่สวนยางพารา
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร.,
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต. โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์,
พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส, พ.ต.อ.รัชภูมิกุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พงศกร โนรี ประจำ(สบ 5)
บก.ปคม., พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ, พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ใจดีจริง
รอง ผกก.3 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กก.3 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นาย สมบัติฯ อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬ ที่ 38/2568 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดย
ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พาบุคคลอายุไม่ เกินสิบห้าปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม”
สถานที่จับกุม บริเวรหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ก่อนเกิดเหตุ นายสมบัติฯ กับภรรยาได้ส่งเสียเลี้ยงดูเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นหลาน ตั้งแต่อายุ 4 ปี เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กหญิงเอ มีปัญหาหย่าร้างกัน ซึ่งเด็กหญิงเอ มีความสนิทสนมคุ้นเคย และรักนายสมบัติฯ เหมือนกับพ่อแท้ๆ ของตน
จนกระทั่งเด็กหญิงเอ อายุ 11 ปี และเป็นเด็กหญิงที่หน้าตาน่ารัก ซึ่งนายสมบัติฯ มักจะชวนเด็กหญิงเอ ไปกรีดยางพาราที่สวนเพียงสองคนช่วงเวลากลางคืนบ่อยครั้ง
ต่อมา นายสมบัติฯ ได้ล่อลวงเด็กหญิงเอฯ ไปหากบที่สวนยางพาราท้ายหมู่บ้านเพียงสองคน
โดยนายสมบัติฯ ก่อนที่จะใช้กำลังบังคับข่มขืนเด็กหญิงเอฯ
และนายสมบัติฯ ได้ข่มขู่เด็กหญิงเอฯ ห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับยายเด็ดขาด หากนำเรื่องดังกล่าวไปบอกยาย จะไม่ให้เงินกินขนมและจะไม่พาไปเที่ยวหากบอีกต่อไป จากนั้นนายสมบัติฯ เริ่มเกิดความย่ามใจ และได้ล่อลวงเด็กหญิงเอฯ ไปข่มขืนกระทำชำเราที่สวนยางพาราท้ายหมู่บ้านอีกหลายครั้ง
ต่อมาโรงเรียนของเด็กหญิงเอฯ ได้ทำการตรวจร่างกายเด็กภายในโรงเรียน โดยเด็กหญิงเอฯ ได้บอกกับครูว่ามีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ จากนั้นครูจึงได้สอบถามจนทราบว่าเด็กหญิงเอฯ ถูกนายสมบัติฯ
ซึ่งเป็นตาล่อลวงข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง ครูจึงได้รีบบอกกับยายของเด็กหญิงเอฯ ซึ่งภายหลังทราบเรื่องดังกล่าว ยายของเด็กหญิงเอฯ จึงรีบเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสมบัติฯ ให้ถึงที่สุด
เมื่อนายสมบัติฯ ทราบว่าภรรยาของตนได้เข้าแจ้งความ จึงได้รีบหนีออกจากพื้นที่ทันที
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสมบัติฯ ได้หลบหนีคดี
มาอยู่ที่กรุงเทพฯ และเข้าทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบนายสมบัติฯ
จึงได้แสดงตัว แสดงหมายจับ และอ่านข้อความในหมายให้ นายสมบัติฯ ทราบ และตรวจสอบ ซึ่งนายสมบัติฯ ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้ง
ข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้นายสมบัติฯ ทราบ
ซึ่งเบื้องต้น นายสมบัติฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวนายสมบัติฯ ผู้ต้องหาส่งมอบให้แก่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”











