ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 สมุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุมตัวบัญชีม้าบังคับรับโอนเงิน
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันศุกร์ที่ 31 ต.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล รอง ผบก.สอท.4 และ พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 สมุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุมตัวบัญชีม้าบังคับรับโอนเงิน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4, กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 และ สภ.ปากเกร็ด ได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มคนร้ายติดต่อว่าจ้างให้ประชาชนทั่วไปเบิกถอนเงินที่ได้มาจากหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยใช้สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของตน ซึ่งเจ้าของบัญชีจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 3,500 บาท ต่อบัญชี จากการสืบสวนยังทราบอีกว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้ตะเวนก่อเหตุหลายพื้นที่เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันวางแผนเพื่อทำการจับกุมคนร้ายกลุ่มดังกล่าว โดยได้ประสานข้อมูลกับศูนย์ WARROOM IAC เพื่อคอยตรวจสอบเส้นทางการเงินของสายลับในขณะแฝงตัวเข้าไปอยู่กับคนร้าย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสายลับเพื่อนำข้อมูลรายละเอียดบัญชีเงินฝากธนาคารของสายลับมอบให้คนร้ายเพื่อตรวจสอบและรับโอนเงินจากแก๊งคอลเซนเตอร์ จากนั้นคนร้ายได้นัดหมายให้สายลับไปพบที่บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ เมื่อถึงเวลานัดหมายคนร้ายขับรถยนต์กระบะมาจอดบริเวณหน้าห้างฯ แล้วแจ้งให้สายลับไปพบที่บริเวณริมถนนในซอยติดกับห้างฯ ดังกล่าว
โดยคนร้ายเป็นชาย 2 คน ได้ให้สายลับเข้าไปนั่งภายในรถยนต์กระบะของคนร้าย จากนั้นได้ยึดโทรศัพท์ที่มีแอปพลิเคชันธนาคารของสายลับไป และคอยควบคุมแอปพลิเคชันตามคำสั่งของหัวหน้าชาวจีนอีกทอดหนึ่ง กระทั่งมีเงินจำนวน 890,000 บาท เข้ามาในบัญชีธนาคารของสายลับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานศูนย์ WARROOM IAC เพื่ออายัดเส้นเงินทันที ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นจับกุมทันที ผลการตรวจค้นพบคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน และโทรศัพท์มือมือซึ่งมีแอปพลิเคชันธนาคารของสายลับอยู่ในมือของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมพร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของคนร้าย รวมทั้งรถยนต์ของกลางเพื่อทำการตรวจสอบขยายผล
จากการสืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่า เงินจำนวนดังกล่าวที่โอนเข้ามาในบัญชีธนาคารของสายลับ เป็นเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนเปิดร้านค้าออนไลน์ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.บางศรีเมือง อีกทั้ง ผู้เสียหายรายดังกล่าว ยังได้โอนเงินเข้าไปบัญชีเงินฝากธนาคารของคนร้ายอีกหลายบัญชีมูลค่าความเสียหายของคดีนี้รวมเป็นเงินจำนวน 1,657,158.88 บาท และยังพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหายอีก จำนวน 5 คดี ในเขตพื้นที่ สน.ดอนเมือง, สภ.เมืองปทุมธานี, สภ.กระทุ่มแบน, สภ.โพรงมะเดื่อ และ สภ.เมืองสุรินทร์ มูลค่าความเสียหายทั้ง 6 คดี รวมเป็นเงิน 1,909,568 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจและศูนย์ WARROOM IAC ได้ทำการอายัดเงินของผู้เสียที่ถูกหลอกโอนไปยังบัญชีธนาคารของคนร้ายจำนวน 1,345,728 บาท ซึ่งจะได้ดำเนินการติดตามส่งคืนให้กับผู้เสียหายตามโครงการ Money
Cash Back ต่อไป









