หลวงพี่น้ำฝน นำคณะสงฆ์ วัดไผ่ล้อมฯ สวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง
หลวงพี่น้ำฝน นำคณะสงฆ์ วัดไผ่ล้อมฯสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ภายในวิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม โดยมีข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุสุขภาพดีวัดไผ่ล้อม เป็นตัวแทนกล่าวถึงพระบารมีของแม่หลวงซึ่งทรงอยู่ข้างกายในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการดูแลทุกข์สุขของ ชาวไทยเสมอมา อยากให้คนรุ่นใหม่ได้ไปศึกษาว่าพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพียงใดกว่าจะเป็นศูนย์รวมจิตใจยามประเทศมีปัญหาและสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ตลอดมา
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2568 ตามที่ได้มีประกาศสํานักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ลงวันที่ 24 ต.ค.2568 นั้น วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้ออม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้กำหนดคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ วิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม โดยมีคณะข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมพิธีด้วยบรรยากาศแห่งความอาลัย
สำหรับการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมฯ ได้มีกำหนดการเริ่มในวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จึงขอเชิญประชาชน แต่งกายสุภาพ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
นางพวงพันธ์ วุฒิยาสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุสุขภาพดีวัดไผ่ล้อม กล่าวแสดงความรู้สึกว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีคุณูปการอย่างมากมายตอบนิกรชาวไทยโดยได้เห็นว่าจะปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่คู่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสมอมา ทั้งยังใส่ใจถึงความเป็นอยู่ของพสกนิกรมาโดยตลอด จะเห็นได้จากที่พระองค์ได้ให้แนวทางในการพัฒนาผ้าไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งทุกวันนี้เราก็ได้ใส่ชุดที่เป็นชุดประจำชาติโดยพระองค์ได้ทรงอนุรักษ์ไว้ อีกทั้งยังทรงแสดงบทบาทในความเป็นแม่ซึ่งมี จริยวัฒน์ที่งดงาม แสดงออกเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ของชาวไทย
“การสูญเสียพระองค์ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ยังเกิดไม่ทันดิฉันคิดว่าอยากให้กลับไปศึกษาข้อมูลและดูโครงการต่างๆว่าพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ในการดูแลผสมนิกรและยามประเทศเรามีปัญหาสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะอยู่คู่กับคนไทยโดยเป็นแกนหลักในการยึดเหนี่ยวจิตใจให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ทุกครั้งนี่คือสิ่งที่เป็นรูปแบบที่แท้จริงที่ประเทศไทยมีโดยที่ชาติใดไม่มี” นางพวงพันธ์ กล่าวปิดท้าย
