บอร์ด ป.ป.ส. ไฟเขียวแผนยาเสพติด ปี 69 รองนายกฯ สั่งเน้น “ป้องกัน-ขจัดดีมานด์” แนะ ยธ. ปรับเกณฑ์ราชทัณฑ์ เปิดทางเอกชนรับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งที่ 4/2568 โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม ได้แก่ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยคณะกรรมการและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส.
ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (คณะกรรมการ ป.ป.ส.) มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปี 2569 โดยรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ประชุม เน้นย้ำให้ความสำคัญสูงสุดกับ “การป้องกัน” เพื่อขจัดอุปสงค์ยาเสพติด (Demand Reduction) พร้อมเสนอแนะกระทรวงยุติธรรมสะสางกฎเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนนำผู้เคยต้องโทษไปทำงาน สร้างโอกาสและตัดวงจรการกระทำผิดซ้ำ
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ปี 2569 ภายใต้วิสัยทัศน์ “สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด ด้วยมาตรการทางเลือกใหม่ สู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” ซึ่งครอบคลุม 7 มาตรการหลัก ตั้งแต่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง, การป้องกัน, การปราบปราม, การยึดทรัพย์สิน, การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด, ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติ การกำหนดพื้นที่จำเป็นเร่งด่วนบริเวณแนวชายแดน 14 จังหวัด 55 อำเภอ เพิ่มเติม 3 อำเภอในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย และ อ.เชียงคำ จ.พะเยา และจัดตั้ง หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดฯ (นบ.ยส.) ชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก เพื่อยกระดับการสกัดกั้นยาเสพติด อย่างเข้มข้น
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า “เราต้องเดินหน้าปราบปรามการค้ายาเสพติดออนไลน์ที่ทำให้เยาวชนเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย และต้องให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการป้องกัน เพื่อขจัดอุปสงค์ยาเสพติดให้ได้ผลอย่างยั่งยืน และต้องแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงและการกลั่นแกล้งในสถานศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อดูแลสภาพจิตใจของเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด” ทั้งนี้ ยังได้เสนอแนะให้พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาวิจัยหาสาเหตุที่แท้จริงที่นำไปสู่การเสพยาเสพติด เพื่อหาแนวทางป้องกันด้านอุปสงค์ที่ตรงจุด โดยควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ เข้ามาร่วมรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ยังฝากให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาสะสางกฎเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนสามารถรับผู้พ้นโทษเข้าทำงานได้สะดวกขึ้น การให้โอกาสทางอาชีพแก่พวกเขา คือการตัดวงจรการหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำในคดียาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนที่สุด
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมรับนโยบายและข้อสั่งการของท่านประธานฯ ที่เน้นย้ำยุทธศาสตร์การลดอุปสงค์ยาเสพติด รวมถึงการสร้างโอกาสให้ผู้พ้นโทษ ไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทันที ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบทุกมิติอย่างเด็ดขาด”









