ตะครุบจีนเทา ตัวการถอนเงินสดให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลอกทำภารกิจรับซื้อแบรนด์เนมมือสอง เงินสดกว่า 2 แสนบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี,
พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท.,
พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.หญิง ภาพิมล ชัยขันธ์, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ท.อินทุชัย อินทรา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ เศรษฐอัครเบญจา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., ด.ต.พีรวุฒิ สนธิสำราญ, จ.ส.ต.กุลชาติ พลับสอาด, จ.ส.ต.วีรศักดิ์ บุญยก ผบ.หมู่
ช่วยราชการฯ กก.3 บก.ปอท., ส.ต.อ.เกียรติศักดิ์ ภรินทนันท์ ผบ.หมู่ ช่วยราชการฯ กก.3 บก.ปอท. และ ส.ต.อ.วสันต์ จันเส ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม
1. Mr.Zeng อายุ 40 ปี สัญชาติจีน บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 5172/2568 ลงวันที่ 5 ก.ย.68
คนไทยอีก 5 ราย ได้ทำการแจ้งข้อหา
1. น.ส.สุลีวัลย์ฯ อายุ 42 ปี (บัญชีม้า)
2. นายวีรพงษ์ฯ อายุ 22 ปี (บัญชีม้า)
3. นายณัฐวุฒิฯ อายุ 33 ปี (นายหน้าบัญชีม้า)
4. นายสุพจน์ฯ อายุ 23 ปี (บัญชีม้า)
5. นายนิธิศักดิ์ฯ อายุ 19 ปี (บัญชีม้า)
ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สถานที่จับกุม บริเวณริมฟุตบาท ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.3 บก.ปอท. ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่าถูกมิจฉาชีพหลอก หลังผู้เสียหายต้องการที่จะหารายได้เสริม โดยการขายสินค้ามือสองของตนเอง ทางเพจ Facebook รับซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 มีการยิงแอดโฆษณา จึงกดเข้าไป โดยเพจดังกล่าวได้ส่งลิงก์ไลน์ openchat ให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเข้ากลุ่มไลน์ openchat ดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า “SERVICE SQUARE” จากนั้นได้มีแอดมิน ผู้ใช้ไลน์ชื่อ ภัทรขวัญฯ ได้แจ้งเรื่องการสมัครสมาชิกเปิดเมมเบอร์ service faire โดยสมัครครั้งแรกจะมีค่าเปิดเมมเบอร์จำนวน 193 บาท แล้วทำภารกิจง่ายๆ เช่นการกดถูกใจโพสต์ที่แอดมินแจ้งแล้วแคปหน้าจอส่ง
โดยครั้งแรก ผู้เสียหายได้รับโอนเงินจริง เป็นจำนวน 255 บาท จึงหลงเชื่อ หลังจากนั้นมีการแจ้งให้โอนเงินเพิ่มขึ้น เป็นหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท จะได้รับโบนัสเพิ่มขึ้น ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปอีกจำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 645,472.80 บาท แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ขณะที่คนร้ายจะมีข้ออ้างต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม เช่น อ้างว่าผู้เสียหายทำผิดวิธี, ต้องโอนเงินเพื่อแก้เครดิต, ต้องโอนเงินเพื่อปลดล็อกและถอนยอดที่โชว์ในแอปพลิเคชัน เป็นต้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนพบว่า เมื่อคนร้ายรับเงินจากผู้เสียหายจะมีกลุ่มผู้ต้องหาตระเวนถอนเงินสดที่สาขาธนาคารภายในห้างสรรพสินค้า ใน กทม. จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพิสูจน์ทราบตัวคนร้าย ก่อนขอศาลออกหมายจับไว้
จากการสืบสวนทราบว่า Mr.Zeng สัญชาติจีน เป็นผู้ควบคุมบัญชีม้าและเป็นผู้รับเงินจากบัญชีม้าที่มาถอนเงินดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ และติดตามสะกดรอย จนพบว่า Mr.Zeng ผู้ต้องหาได้พาบัญชีม้าไปถอนเงินที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ก่อนเข้าจับกุม Mr.Zeng ได้พร้อมเงินสด กว่า 2 แสนบาท, บัตร ATM และสมุดบัญชี ของบัญชีม้า นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้ต้องหาชาวไทยอีก 5 รายที่ทำหน้าที่บัญชีม้า เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าเข้ามาประเทศไทยโดยหลบหนีเข้าเมืองทางช่องทางธรรมชาติ ฝั่งสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย และมีรถรับมาส่งที่กรุงเทพมหานคร
โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินและรับเงินจากบัญชีม้าไปจริงและมีการนำเงินไปส่งต่อให้กับชาวจีนผู้ร่วมขบวนการที่ย่านห้วยขวาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้วและจะได้ขยายผลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ไม่ควรหลงชื่อเพจที่มีการชักชวนให้ทำภารกิจต่างๆ เพื่อรับผลตอบแทนซึ่งเป็นขบวนการเดียวกับมิจฉาชีพ โดยมักจะมีการล่อลวงโดยการให้โอนเงินหลักร้อยบาท เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้รับเงินจริง ก่อนจะหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท โดยอ้างว่าทำผิดขั้นตอน หรือให้โอนเพิ่มเพื่อโอนเงินจากยอดเครดิตที่แสดงในแอปฯปลอมของมิจฉาชีพ
การกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับ โอน ถือครอง หรือแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดถือเป็นความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามกฎหมาย
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสรางการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”











