ปราจีนบุรี-ระวังภัย! ไอ้งาบิดช้างป่าเขาอ่างฤาไนแปดริ้วบุกข้ามฝั่งมาหากินไกลถึงปราจีนฯ หิวจัดสุดๆ!พังรั้วฟาร์มหมู 2 คืนติดๆ …….ขณะกรมอุทยานฯแจงช้างป่ากระจายออกนอกผืนป่าช่วงนี้รอบรอยต่อทั้ง 5 จว.ภาคตะวันออก
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ 11 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานตาก จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากชุดจิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่าตำบลลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี มีช้างป่าพลาย “เจ้างาบิด” ช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจังหวัดฉะเชิงเทรา (ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี) ข้ามฝั่งมาหากินไกลถึง จ.ปราจีนบุรีแล้วไม่ยอมคืนถิ่น ช่วงค่อนรุ่งเช้าวันนี้( 11 ต.ค.)ได้บุกพังรั้วสังกะสีฟาร์มหมู(ฟาร์มลาดตะเคียน) หมู่บ้านหนองตลาด หมู่7 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เข้ามาหากินอาหารในฟาร์ม ทำให้รั้วของฟาร์มหมูได้รับความเสียหาย 2 จุด เป็นแนวยาว
และตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดของฟาร์มบันทึกภาพช้างป่าพลายงาบิดตัวอ้วนสูงใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน เดินมาหยุดที่บริเวณหน้าโรงรถ และเดินออกไปในความมืดกระทั่งเช้าราว 06.00 น.วันนี้ ( 11 ต.ค.) พนักงานในฟาร์มเห็นร่องรอยความเสียหายแนวประตูรั้งสังกะสีพังลงกับพื้น จึงแจ้งผู้จัดการฟาร์มให้ทราบ
และจากการเปิดดูกล้องวงจรปิดพบว่ามีช้างป่าเป็นช้างพลายตัวสูงใหญ่มีงายาวราว 30ซม.ได้พังรั้วสังกะสีเข้ามายืนอยู่บริเวณหน้าลานจอดรถและพังรั้วของฟาร์มออกไปทางด้านทิศตะวันตก จากนั้นผู้จัดการฟาร์มได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลลาดตะเคียน (ส.อบต.) ทราบ พร้อมขอให้ช่วยชุดเฝ้าระวังช้างป่าติดตามผลักดันช้างออกจากพื้นที่ด้วยเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านและของฟาร์ม
นางสาววิไลพรรณ มีแสง ผู้จัดการฟาร์มฯกล่าวว่าช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาเกือบ 2:00 น.พนักงานได้ยินเสียงเหมือนคล้ายช้างป่าเข้ามาในฟาร์ม เมื่อออกมาดูพบว่ามีช้างป่าตัวใหญ่มีงาเข้ามาอยู่ในบริเวณดังกล่าว เข้ามากัดกินกล้วยและข้าวโพดของพนักงานที่ปลูกไว้ด้านในอย่างเอร็ดอร่อย
จากนั้นได้พังประตูรั้วด้านหลังออกไปและยังพบว่าช้างป่าตัวดังกล่าวที่บริเวณข้อเท้าหลังข้างขวามีแผลได้รับบาดเจ็บ สังเกตพบว่าที่บริเวณข้อเท้าเหมือนกับถูกรัดที่ข้อเท้าหรือเกิดจากบาดแผลอะไรไม่ทราบ ช้างตัวดังกล่าวเข้ามาบริเวณในฟาร์ม 2 คืนติดๆ ตั้งแต่คืนวันที่ 10 และ คืนค่อนรุ่งเช้าวันที่ 11 ต.ค.นี้
ต่อมาเวลา 18.15 น.นายไพรวัล ท่าข้าม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลลาดตะเคียน (ส.อบต.) หมู่ที่ 7 บ้านหนองตลาด (หัวหน้าชุดจิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่าตำบลลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า ได้ติดตามร่องรอยช้างป่าพลายงาเบี่ยงพบว่าหนีเข้าไปหากินห่างจากฟาร์มหมูไปทางด้านทิศตะวันออกำกลเกือบ 1,500 เมตรหรือราว 1 กิโลเมตรครึ่งซึ่ง ห่างจากฟาร์มหมูและบ้านเรือนประชาชนประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศไร่มันสำปะหลังและไร่อ้อยเกือบ 1,000 ไร่เศษ จากการใช้โดรนบินสำรวจตรวจพบว่าพบกำลังหากินอ้อยอย่างเพลิดเพลิน ในเบื้องต้นนี้ได้ทำการรายงานผู้บังคับบัญชา และประสานงานกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนและสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ตลอดจนชุมชนข้างเคียงให้เฝ้าระวังเพื่อผลักดันให้ออกไกลย่านชุมชนหรือกลับคืนถิ่นแปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทราต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป สำหรับพลายงาเบี่ยง มักข้ามถิ่นมาหากินทั้งโดยแยกโขลงมาตัวเดียว หรือ มาพร้อมโขลงใหญ่ครั้งละ 30-50-150 ตัว ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ข้ามฝั่งมาหากินไกลถึงฝั่ง จ.ปราจีนบุรีบ่อยครั้งจนล่าสุดแทบกลายเป็นช้างประจำถิ่นไม่ยอมกลับ
ที่ผ่านมามีช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อพยพข้ามถิ่นมาหากินไกลในฝั่งพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ใน เขต อ.ศรีมหาโพธิ ,อ.กบินทร์บุรี พบปัญหากระทบระหว่างคนกับช้างป่าหลากหลาย อาทิ ช้างข้ามถนนสายหลัก 359 หรือ สระแก้วตัดใหม่ (สาย พนมสารคาม – สระแก้ว) แล้วประสบอุบัติเหตุถูก รถชนได้รับบาดเจ็บ – เสียชีวิต ถูกไฟช็อต ถูกยิง ช้างทำร้ายเหยียบคนเสียชีวิต บาดเจ็บ ทำลายพืชผลการเกษตร ขโมยอาหารจากยุ้งฉาง เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม พบเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า …เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนลงพื้นที่ผลักดันช้างป่าอย่างต่อเนื่อง นายเอกชัย แสนดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้ปฏิบัติงานเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างเข้มข้น โดยระดมกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วและอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อป้องกันและผลักดันช้างป่าไม่ให้ออกไปรบกวนประชาชนและพื้นที่เกษตรกรรม
เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 1 ได้ลาดตระเวนตามแนวคูกันช้างบริเวณจุดให้อาหารบ้านอ่างเสือดำ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา และยังเข้าไปตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านหนองปรือกันยางว่าพบช้างป่า 1 ตัวออกนอกพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการผลักดันและเฝ้าระวังเรียบร้อยแล้วในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 2 ได้รับแจ้งพบช้างป่าเดินออกหากินบริเวณบ้านสวนป่า ต.ลาดกระทิง แต่เมื่อเข้าตรวจสอบไม่พบช้างป่า จึงคงเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป
ส่วนที่จังหวัดสระแก้ว ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 3 ได้ลงพื้นที่ลาดตระเวนใน อ.วังสมบูรณ์ และ อ.วังน้ำเย็น โดยเจ้าหน้าที่ได้ผลักดันช้างป่าจำนวนหนึ่งที่กำลังจะออกหากินนอกพื้นที่ และตรวจสอบร่องรอยช้างป่าฝูงใหญ่ที่ส่งเสียงร้องอยู่บริเวณหลังหมู่บ้านสระหลวง ก่อนจะทำการผลักดันสำเร็จ
ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 4 ได้รับแจ้งว่ามีช้างป่าจำนวนมากออกหากินนอกพื้นที่บริเวณบ้านอ่างใน อ.หนองใหญ่ เมื่อเข้าตรวจสอบพบช้างป่าฝูงใหญ่ถึง 57 ตัว กำลังลงมาหากิน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการผลักดัน ต่อมายังพบช้างอีก 42 ตัว เข้าไปหากินในไร่อ้อยของชาวบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการผลักดันออกไปได้ในที่สุด
ขณะที่ จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 6 เข้าตรวจสอบพื้นที่บ้านเขาไผ่ ต.เขาน้อย อ.เขาชะเมา หลังได้รับแจ้งจากอาสาว่าพบช้างป่าออกนอกพื้นที่ แต่ไม่พบช้าง จึงยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป
สำหรับพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 9 พบช้างป่าจำนวน 8 ตัว ออกหากินบริเวณเขาธีรพงษ์ และอีก 20 ตัว ออกหากินและพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดที่ 13 ได้ลาดตระเวนและเฝ้าระวังบริเวณบ้านนางาม ต.ท่ากระดาน แต่ไม่พบช้างป่าออกนอกพื้นที่
มานิตย์ สนับบุญ -ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์ – ภ
าพ / ปราจีนบุรี###