มูลนิธิทนายความกองทัพธรรม ยื่นหนังสือร้อง ปปป. ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดนาป่าพงและพวก 13 คน หลังพบพฤติการณ์นำเงินกฐินแจกโบนัสเจ้าหน้าที่วัด โอนเงินผ่านมูลนิธิแอบอ้าง และซื้อรถหรูหลายคัน รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีวัดและบุคคลใกล้ชิด หากพบความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ชั้น 16 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายความกองทัพธรรม พร้อมคณะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของ พระคึกฤทธิ์ สวัสดิผล หรือ “พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล” เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จังหวัดปทุมธานี และพวก รวม 13 คน
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า การยื่นเรื่องครั้งนี้เป็นการร้องขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การนำเงินกฐินของวัดไปแจกโบนัสให้เจ้าหน้าที่ ระหว่างปี 2556–2559 วัดนาป่าพงได้โอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าหน้าที่วัด 4 ราย รวมกว่า 6,704,000 บาท 2.การโอนเงินกฐินผ่านมูลนิธิพุทธโคตร แทนที่จะเข้าบัญชีวัดโดยตรง ซึ่งอาจขัดต่อกฎกระทรวงว่าด้วยการบริหารจัดการสาธารณสมบัติของวัด เนื่องจากเงินบริจาคทุกประเภทต้องนำฝากในบัญชีของวัดและใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคเท่านั้น
และ 3.การซื้อรถยนต์หรูหลายคัน รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ได้แก่ รถเบนซ์ 6 คัน รถฟอร์ด และรถมาสด้า โดยทั้งหมดจดทะเบียนในชื่อบุคคลใกล้ชิดของพระคึกฤทธิ์ ซึ่งมูลนิธิฯ ขอให้กองปราบตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินว่าเกี่ยวข้องกับเงินวัดหรือไม่
นายอนันต์ชัย ระบุว่า การร้องเรียนครั้งนี้มีหลักฐานอ้างอิงจากรายการ PHUTTA TALK ที่ออกอากาศทางยูทูบ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2568 โดยมีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่วัดนาป่าพง ซึ่งยอมรับว่ามีการแจกโบนัสบางส่วนจริง นอกจากนี้ยังมีสำเนารายการเดินบัญชีของบุคคลทั้ง 4 คน พบการโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าสู่บัญชีส่วนตัว รวมกว่า 6 ล้านบาท รวมถึงเอกสารเส้นทางการเงินของบุคคลใกล้ชิดที่รับโอนเงินจากบัญชีวัด
นายอนันต์ชัย ชี้ว่า การโอนเงินระหว่างวัดและมูลนิธิถือว่าขัดต่อกฎหมาย เพราะวัดเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน ขณะที่มูลนิธิเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแพ่ง ทั้งสองไม่สามารถนำเงินมาใช้ร่วมกันได้โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะเงินบริจาคและเงินกฐิน ต้องบริหารจัดการตามกฎกระทรวง และการเบิกถอนต้องมีลายเซ็นของเจ้าอาวาสหรือไวยาวัจกรที่ได้รับมอบหมาย แต่หลักฐานพบว่า บัญชีของวัดนาป่าพงมีเพียงพระ 2 รูปเป็นผู้เบิกจ่ายโดยไม่มีไวยาวัจกรร่วมลงชื่อ ซึ่งอาจไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด
นายอนันต์ชัย ย้ำว่าการร้องเรียนครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา หากพระคึกฤทธิ์บริสุทธิ์ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ศิษยานุศิษย์และประชาชน แต่หากพบการกระทำผิด ก็ควรดำเนินๅคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 ว่าด้วยความผิดฐานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
/////