“ไซเบอร์กบ” มอบนโยบายขุนพลไซเบอร์ สั่งยกระดับการปราบโจรออนไลน์
เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนประชาชนให้จบใน 1 ปี กำชับ 1 เดือนแรกต้องเห็นผล ปราบเว็บพนัน คดีออนไลน์ คืนเงินผู้เสียหาย
.
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม บก.สอท.2 อาคาร บก.สอท.2 ชั้น 3 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้แก่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบช.ทท. ช่วยราชการ บช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ภ.1 ช่วยราชการ บช.สอท. พร้อมด้วย ผู้บังคับการและข้าราชการตำรวจในสังกัด ได้จัดประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.สอท.
.
โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินการตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบรวมทั้งนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.
.
ในส่วนของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้มีวิสัยทัศน์ในการ “ยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้บรรลุผล ภายใน 1 ปี” ซึ่งได้กำชับตำรวจไซเบอร์ทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยสั่งการให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน และต้องเห็นผลภายใน 1 เดือน อาทิ
.
เร่งออกมาตรการในการป้องกันปราบปรามคดีออนไลน์ที่มีสถิติการรับแจ้งสูงสุด 5 ลำดับแรก
ยกระดับการแก้ปัญหาการหลอกลวงซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ (ปัจจุบันมีสถิติการเกิดคดีกว่า 50%)
ตั้งศูนย์การปราบปรามพนันออนไลน์ขึ้นเป็นการเฉพาะ เน้นจับกุมเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์,
อินฟลูเอนเซอร์โปรโมทเว็บพนัน, ปิดกั้นการโฆษณาชักชวนเล่นพนันฯ ทุกช่องทาง
พัฒนาระบบการอายัดบัญชีธนาคารให้มีประสิทธิภาพ
เร่งติดตามทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายให้ได้มากยิ่งขึ้น
ปรับปรุงแอปพลิเคชัน CYBER CHECK ให้ประชาชนสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันตนเองให้พ้นจากภัยออนไลน์
.
โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ รอง ผบช. แต่ละนายต้องควบคุมการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนในแต่ละข้อด้วยตนเอง อีกทั้งได้แบ่งหน้าที่งานรับผิดชอบออกเป็น 7 ด้าน เพื่อให้ครอบคลุมสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และจะประชุมติดตามผลการดำเนินการด้วยตนเองทุกสัปดาห์ เพื่อเน้นย้ำแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง ให้
เสร็จสิ้นโดยเร็ว