ปราจีนบุรี-อนาถพบซากช้างป่าทับลานมรดกโลกตายขึ้นอืดอย่างน้อย 7 วันในผืนป่าคาดเหตุจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
หลังจากการต่อสู้กับช้างตัวอื่น ประกอบกับอาจมีการบอบช้ำของร่างกาย จึงได้ตายลง
เมื่อเวลา 21.30 น.วันนี้ 4 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี ฝ่ายประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแจ้งว่า นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน มรดกโลก (ในพื้นที่รอยต่อ 2 จังหวัด จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา ) รายงาน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.68 ด้วยเจ้าหน้าที่เขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 4 (ลำปลายมาศ) ได้รับแจ้งว่าพบซากช้างป่า เพศผู้ ไม่มีงา เต็มวัย น้ำหนักประมาณ 1,500 กิโลกรัม บริเวณป่าหนองกก – หนองบอน ท้องที่ตำบลสระตะเคียน อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา พิกัด 48P 237751E 1586148N
ในเวลา 13.00 น. นายคทาวุธ กันยามา หัวหน้าเขตจัดการฯ ที่4 พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนสภานีตำรวจภูธรเสิงสาง สัตว์แพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นม.) ร่วมกันตรวจสอบซากช้างป่าอย่างละเอียด ผลปรากฎดังนี้
การตรวจสอบซากช้างป่า จำนวน 1 ซาก ผลการชันสูตรซากเป็นช้าง (Elephas maximus) เพศผู้ อายุประมาณ 25 – 30 ปี (โตเต็มวัย) ไม่สามารถประเมินน้ำหนักตัวได้เนื่องจากสภาพซากอืดขยายขนาดใหญ่ขึ้น สภาพซากเริ่มเน่า มีแก๊สสะสมในเนื้อเยื่อ ร่างกายและช่องท้อง คาดว่าตายมาแล้วเป็นระยะเวลาประมาณไม่เกิน 7 วัน ลักษณะนอนตะแคงซ้าย สภาพแวดล้อมอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานบริเวณพิกัด 48P 237751E 1586148N ห่างจากพื้นที่ชุมชนประมาณ 500 เมตร มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้เคียง จากการชันสูตรซาก สภาพร่างกายภายนอกพบความผิดปกติ ได้แก่ พบหางบางส่วนหายไป ลักษณะบาดแผลบาดแผลที่หางเป็นเนื้อตาย คาดว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีบาดแผลเปิดบริเวณผิวหนังตามร่างกาย จำนวน 8 แผล
บริเวณต้นคอด้านบนซ้าย จำนวน 1 แผล เป็นแผลรูปร่างวงรี มีความกว้าง3 เซนติเมตร ความยาว 13 เซนติเมตร มีความลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง , บริเวณหลังคอด้านบนซ้าย จำนวน 1 แผล มีความกว้าง 3 เซนติเมตร ความยาว12 เซนติเมตร มีวิถีลึกทะลุเข้าไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ มีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร , บริเวณไหล่ขวา จำนวน 1 แผล เป็นแผลรูปร่างวงรี มีความกว้าง 4 เซนติเมตรความยาว 12 เซนติเมตร มีความลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง, บริเวณช่องท้องด้านขวา จำนวน 3 แผล เป็นแผลรูปร่างวงรี สามเหลี่ยม มีความลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง , บริเวณสะโพกขวา จำนวน 1 แผล เป็นแผลรูปร่างวงรี มีความกว้าง 2 เซนติเมตร ความยาว 12 เซนติเมตร มีความลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง, บริเวณขาหลังขวา จำนวน 1 แผล เป็นแผลรูปร่างวงรี มีความกว้าง 2 เซนติเมตร ความยาว 13 เซนติเมตร มีความลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง
ไม่สามารถประเมินรอยโรคบริเวณลำตัวด้านซ้ายได้เนื่องจากช้างนอนทับอยู่ อวัยวะภายในไม่สามารถประเมินรอยโรคที่แน่ชัดได้ เนื่องจากมีการเน่าเปื่อยเต็มที่ ข้อมูลจากการใช้เครื่องสแกนโลหะ ตรวจพบว่า ไม่มีเสียงสัญญาณแจ้งเตือนว่าพบโลหะภายในซากช้างป่าแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดสันนิษฐานสาเหตุการตายของช้างป่าเบื้องต้นว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวอาจตายจากการติดเชื้อในกระแสเลือด จากบาดแผลตามร่างกายโดยมีความเสียหายหลักอยู่ที่บริเวณบาดแผลที่ตำแหน่งหลังคอด้านบนซ้าย และหาง ซึ่งบาดแผลดังกล่าวมีโอกาสเกิดจากการต่อสู้กับช้างตัวอื่น ประกอบกับอาจมีการบอบช้ำของร่างกาย จึงได้ตายลง
คณะเจ้าหน้าที่ จึงได้เก็บข้อมูลเชิงวิชาการ ภาพถ่ายที่จำเป็น สภาพสังคมป่าและพืชโดยรอบ และได้ลงความเห็นว่าซากช้างป่าตัวดังกล่าว ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้จึงจำเป็นต้องทำลายซากโดยการเผาทำลายซาก และได้ทำการโรยปูนขาวฆ่าเชื้อโดยรอบบริเวณดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว