ศรีสะเกษนายกอนุทินนำทีม รัฐมนตรีภูมิใจไทย ขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ศรีสะเกษ เขต 5 อำเภอขุนหาญ อำเภอภูสิงห์
วันที่ 21 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น. ที่หอประชุมเทศบาลตำบลโพธิ์กะสังข์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี, นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ น.ส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ในศึกเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้ในเวลาต่อมาเดินทางต่อไปที่ศาลาประชาคมอำเภิภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
ในการปราศรัย นายอนุทินได้กล่าวทักทายประชาชนที่มารับฟัง และให้กำลังใจผู้สมัคร พร้อมตั้งคำถามกับชาวบ้านว่า “จำกันได้หรือไม่?” โดยเล่าว่าตนเคยมาที่นี่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน และทุกครั้งที่มา ก็ได้รับความอบอุ่นจากชาวบ้านเป็นอย่างดี พร้อมระบุว่า ที่จริงแล้ว น.ส.จินณ์ตวรรณ ควรได้เข้าไปทำงานในสภาตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้ ไม่ควรต้องมาหาเสียง แต่ควรมาขอบคุณแทน โดยย้ำว่า ครั้งที่แล้วตนมาที่นี่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรธรรมดา แต่วันนี้กลับมาในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวศรีสะเกษ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ในวันที่ 28 กันยายนนี้ เราจะมี ส.ส. คนใหม่ชื่อ “จินณ์ตวรรณ” ซึ่งแต่เดิมทุกคนรู้จักในชื่อ “ครูอีฟ” โดยตนได้บอกกับทุกคนว่า ให้เรียกเธอว่า “อีอีฟ, นังอีฟ, ไอ้อีฟ หรือ ลูกอีฟ” เพราะเธอเป็นคนของพวกเรา และกำลังจะเข้าไปทำงานในสภาในฐานะตัวแทนที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อประชาชน พร้อมย้ำว่า ตนเคยขึ้นเวทีที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยได้รับคะแนนจากพี่น้องเลย จึงขอให้ “ไข่แตก” สักครั้ง พร้อมกล่าวว่า “นายกฯ ขอน่ะ ได้หรือเปล่า? สัญญาแล้วนะ บ่ตั๊ว บ่จุ๊นะ”
ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายอนุทินยังพูดถึงประเด็นการเปิด-ปิดด่านชายแดน โดยตั้งคำถามกับประชาชนว่า ต้องการให้เปิดด่านหรือไม่ พร้อมชวนให้ยกมือ หากต้องการให้เปิด แต่เมื่อไม่มีใครยกมือ จึงกล่าวแซวว่า “อุ๊ยตาย แบบนี้ใครจะให้เปิดเล่า” พร้อมระบุว่า แม้แต่ชาวขุนหาญและภูสิงห์ก็ยังต้องการให้ปิดด่าน เช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ และย้ำว่า “สุนัขตัวไหนจะกล้าเปิด” ก่อนจะพูดต่อว่า “อย่าว่าแต่สุนัขไม่กล้าเปิดเลย หนูยิ่งไม่กล้าเปิดใหญ่เลย ผมคนไทยนะครับ ผมนายกฯ ของพวกท่าน ไม่ใช่นายกฯ ของเพื่อนบ้าน ไม่ใช่นายกฯ กัมพูชา”
นายอนุทินยังกล่าวว่า ตั้งแต่มีการปิดด่านชายแดน ราคามันสำปะหลังก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยเปรียบเทียบว่า ในช่วงที่มีการเปิด-ปิดด่าน ราคาตกเหลือเพียง 80 สตางค์ต่อกิโลกรัม แต่หลังจากที่รัฐบาลของตนเข้ามาทำงาน ราคาขึ้นถึงกว่า 2 บาท เพราะการปิดด่านช่วยป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ราคาผลผลิตในประเทศตกต่ำ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การผลักดันให้เปิดด่าน อาจมีผลประโยชน์ไปถึงกลุ่มทุนบางกลุ่ม เช่น เจ้าของโรงแป้งมัน ที่ต้องการซื้อหัวมันราคาถูก แต่ราคาขายแป้งยังแพงเท่าเดิม จึงย้ำว่า ต้องปิดด่านต่อไป เพื่อให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนอย่างแท้จริง
ในตอนท้าย นายอนุทินกล่าวว่า หากพี่น้องประชาชนเลือก น.ส.จินณ์ตวรรณ เข้าไปเป็น ส.ส. จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยก็ได้กลับมาเป็นรัฐบาล และจะสามารถเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ได้ทันที เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” ที่จะกลับมาภายใน 1 เดือน โดยคนที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับในสัดส่วน 60:40 ส่วนผู้ที่อยู่นอกระบบยังคงได้รับในสัดส่วน 50:50 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า พร้อมย้ำว่า แม้รัฐบาลมีเวลาไม่นาน แต่จะเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งปัญหาชายแดน ปัญหาพืชผลทางการเกษตร และปัญหายาเสพติด โดยยืนยันว่า “ภูมิใจไทยพูดแล้วทำ” พร้อมถามประชาชนว่า “เลือกเบอร์ 2 อยู่แล้วใช่ไหม? สัญญาแล้วนะ ให้ผมพูดแล้วทำใช่ไหม พี่น้องต้องพูดแล้วทำด้วยนะ”
หลังจบการปราศรัย นายอนุทินได้นั่งพับเพียบบนเวที และก้มถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง พร้อมทักทายประชาชนตลอดเส้นทางเดิน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ก่อนขึ้นรถเดินทางไปยังอำเภอภูสิงห์ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการปราศรัยในวันนี้เช่นกัน
ประฌยชน์ อุดมเดช/ข่าว/ภาพ/ศรีสะเกษ