นนทบุรี คลิป หนุ่มเมียนมาร์ร้องสื่อหวั่นถูกเก็บ หลังถูกแก๊งต่างด้าวรุมกระทืบ-ขู่ฆ่า สาเหตุแค่รถเฉี่ยว วอนตำรวจเร่งคดี
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 นายมาด มี หรือ “แม็ค” อายุ 46 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” หลังจากถูกแก๊งชาวเมียนมาร์ 3 ราย ดักรุมทำร้ายร่างกาย หวังชิงทรัพย์ รวมถึงถูกคู่กรณีขู่ฆ่าหน้าสภ.ชัยพฤกษ์ จึงนำเรื่องมาร้องเรียน เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดี และเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบปากคำทั้งสองฝ่าย และยังไม่มีการแจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย อีกทั้ง
นายแม็ค เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 12.00 น. ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา-ดำ ทะเบียน 1กช 1440 นนทบุรี มาถึงบริเวณใกล้หมู่บ้านเดอะวิลล่า-ท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด เพื่อมาหาญาติ โดยนัดหมายว่าจะไปเยี่ยมหลานที่บางบัวทอง ขณะถึงที่พักของญาติปรากฏว่าญาติตนที่นัดไว้ไม่อยู่ จึงขับขี่รถจยย.กลับ ปรากฏว่าหลังจากออกมาจากบ้านญาติพบว่ามีชาย 1 ราย สตาร์ทรถจยย.รอตนออกมาจากบ้านญาติ จากนั้นได้ขับนำหน้าตนไป โดยพฤติกรรมของเขาขับขี่ลักษณะส่ายไปมา ตนเห็นว่าผิดปกติ จึงขับช้าๆเพื่อให้เขาขับไป แต่เขาไม่ยอม ตนจึงตัดสินใจขับขี่รถจยย.แซงเขาไป แต่ปรากฏว่ากระจกรถจยย.ได้เฉี่ยวชนกับรถเขา ทางเขาจึงรีบขับตามมา ทำให้ตนต้องจอดรถโดยรีบขับขี่หนีไปจอดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อความปลอดภัย แต่หลังจากจอดรถจยย.กลับถูกคู่กรณีมาด่าและปรี่เข้ามาหาเรื่องตนโดยมีการชกต่อย โดยตนป้องกันตัว ผ่านไปไม่นานทางคู่กรณี ได้พวกอีก 2 คน มารุมทำร้ายทั้งชกต่อย เตะ และกระทืบที่ท้ายทอย ได้รับบาดเจ็บ
ระหว่างชุลมุน ทางกลุ่มของคู่กรณีพยายามสตาร์ทรถจักรยานยนต์ของตนและทำท่าเหมือนจะขับหนี แต่ตนวิ่งไปดึงกุญแจออกมาได้ทัน ก่อนที่คนร้ายจะพยายามเข็นรถหนีไปอีกฝั่งถนน แต่มีพลเมืองดีช่วยตะโกนห้ามไว้ จากนั้นตนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเหตุการณ์ แต่กลับถูกทำร้ายซ้ำอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายเห็นว่าตนบันทึกภาพไว้
ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน แต่ภายหลังทราบข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวโรฮิงญาอยู่ในพื้นที่ซอยสามัคคี และมีประวัติเกี่ยวข้องกับการขโมยรถหลายครั้ง หลังเข้าแจ้งความที่ สภ.ชัยพฤกษ์ กลับถูกคู่กรณีมาข่มขู่หน้าโรงพักว่า “ถ้าเจอข้างนอกหรือมาขายของ จะฆ่าทิ้ง” ทำให้ตนหวาดกลัว จึงต้องเข้าร้องขอให้ ดร.แก้ว ช่วยติดตามคดีเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ยังมีคนอ้างว่าเป็นผู้ใหญ่โทรมาพูดลักษณะให้ตนยอมความจะไกล่เกลี่ย ตนตอบไปว่าจะไม่ยอมความ กลับถูกขู่ว่าหากไม่ยอมตนก็จะถูกแจ้งข้อหาด้วย และยังเรียกให้ตนเข้าไปหาเขาที่ท่าอิฐ แต่ตนไม่กล้าไปเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
ด้าน ดร.ปรเมศร์ หรือ “ดร.แก้ว” เปิดเผยว่า เรื่องนี้ถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะทราบตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้ว และยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชัดเจน ตนจะเร่งรัดไปที่ร้อยเวร สภ.ชัยพฤกษ์ รวมถึงประสานไปยังผู้กำกับ เพื่อขอให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมกับผู้เสียหาย โดยเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกาย และหากเข้าข่ายชิงทรัพย์หรือความผิดอื่น ๆ ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนจนถึงที่สุด








